Hifu ข้อเสีย มีอะไรบ้าง ? ยกกระชับผิวด้วย Hifu ดีไหม ? มีข้อควรระวังหรือไม่ ?

Categories
Hifu
Hifu ข้อเสีย คุณเจสซี่

Hifu ข้อเสีย

Hifuข้อเสีย มีอะไรบ้าง ? เนื่องจาก Hifu เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยจุดเด่นในการช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูง ทำให้หลายคนอาจเกิดความสงสัยครับว่า แล้ว Hifu มีข้อเสียบ้างไหม ?

ที่จริงแล้วทุกหัตถการมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หรือข้อควรระวังในการทำครับ ในบทความนี้หมอได้อธิบายทั้งข้อดี-ข้อเสียของไฮฟูไว้อย่างละเอียด พร้อมแนะนำมีวิธีปฏิบัติตัวก่อน-หลังทำ Hifu ให้เห็นผล และวิธีเลือกคลินิกทำ Hifu ที่ไหนดีให้ปลอดภัย ไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนทำไฮฟู

สารบัญ Hifu ข้อเสีย

  1. Hifu มีข้อดี อะไรบ้าง ?
  2. Hifuข้อเสีย มีอะไรบ้าง ?
  3. การปฏิบัติตัวก่อน – หลังทำ Hifu ให้เห็นผลชัดเจน
  4. Hifu – Ulthera -Thermage มีข้อดี – ข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้าง ?
  5. ไฮฟูดีไหม ?
  6. ทำ Hifu ที่ไหนดี ? มีวิธีเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ?

Hifu มีข้อดี อะไรบ้าง ?

เมื่อพูดถึงวิธียกกระชับผิว แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย หัตถการแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงก็คือ การทำ Hifu ครับ 

ด้วยข้อดีของ Hifu ทำให้เป็นหัตถการยอดนิยมได้ไม่ยาก ซึ่งจะมีอะไรบ้าง หมอได้สรุปข้อดีของ Hifu ไว้ด้วยกัน 6 ข้อดังนี้

1. ช่วยยกกระชับผิว แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย 

หลักการทำงานของ Hifu

Hifu สามารถทำได้หลายบริเวณตั้งแต่ใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา โดยใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงลงไปถึงชั้นผิวหนัง SMAS (ชั้นผิวเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า) ทำให้ชั้นผิวเกิดการหดตัวและยกกระชับขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวยกกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นครับ

โดย Hifu สามารถช่วยยกกระชับผิว แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้

  • ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยของผิว
  • ลดริ้วรอยบนใบหน้า ริ้วรอยร่องแก้ม ร่องมุมปาก ริ้วรอยรอบดวงตา
  • แก้ปัญหาหนังตาตก หางตา หางคิ้วตก
  • ลดแก้ม ลดเหนียง
  • กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่น ลดรูขุมขนกว้าง

2.  Hifu มีหัวยิงหลายระดับตามความลึกของผิว 

หัวยิง Hifu
การทำงานของ Hifu

จุดเด่นของ Hifu Ultrafomer III คือ มีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ แก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม  โดยสามารถยิงได้ทุกบริเวณที่ต้องการให้ผิวกระชับขึ้น

  1. ผิวชั้นบน (Upper Dermis) ใช้หัวความลึก 1.5-2.0 mm ช่วยเรื่องยกกระชับ ลดริ้วรอย ร่องลึกในระดับที่ไม่ลึกมากกระตุ้นคอลลาเจน 
  2. ผิวชั้นกลาง (Lower Dermis) ใช้หัวความลึก 3.0 mm ช่วยลดไขมันและเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า 
  3. ผิวชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) ใช้หัวความลึก 4.5 mm ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ ยกแก้ม เป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ 

และหัวยิงรุ่นใหม่ Cherry Pink ระดับความลึก 2.0 mm เป็นหัวยิงที่มีเฉพาะใน Hifu Ultraformer III  มีจุดเด่นคือ พลังงานมีความเสถียร แม่นยำ สามารถสะสมความร้อนได้สูงถึง 8 เท่า จึงช่วยแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดกว่าเดิมครับ

หัวยิง Cherry Pink

3. ราคามีความย่อมเยา

การทำไฮฟูมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์ที่ใช้ หมอจะเป็นผู้ประเมินตามตำแหน่งที่ยิง และปัญหาของคนไข้เป็นรายเคสไปครับ แต่ถ้าหากให้หมอแนะนำเพื่อใช้เป็นแนวทางในการคำนวณค่าใช้จ่าย หมอแนะนำดังนี้

  • แก้ม หรือ เหนียง ประมาณ 100 line
  • แก้ม และ เหนียง ประมาณ 300 line
  • ใต้ตา และ ร่องแก้ม ประมาณ 300 line
  • ทั่วหน้า หรือ ต้นแขน ประมาณ 600 line
  • ทั่วหน้า + คอ หรือ ต้นขา ประมาณ 1,000 line

อ่านเพิ่มเติม : ทำ Hifu กี่ช็อตเห็นผล ?

ที่ V Square Clinic Hifu Ultraformer III 100 line จะเริ่มต้นที่ 3,999.- 

โปรโมชัน hifu

4. ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น

Hifu เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ไม่เป็นการทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก (Non-Invasive Treatment) สามารถยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำ นับว่าเป็นอีกจุดเด่นของ Hifu เลยครับ

ทำ Hifu ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า

5. เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ

หลังทำ Hifu สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับได้ประมาณ 20% จากผลลัพธ์ที่จะได้ทั้งหมด โดยจะเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นใน 1 เดือน เมื่อผิวเริ่มมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ๆ และจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ประมาณ 2-3 เดือนหลังทำครับ

6. ทำได้บ่อย และทำร่วมกับหัตถการอื่นได้โดยไม่มีผลข้างเคียง

Hifu เป็นหัตถการที่สามารถกลับมาทำได้ซ้ำได้ ยิ่งทำยิ่งดี จะช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต และยังสามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่น ๆ เช่น ร้อยไหม ฟิลเลอร์ โบท็อกได้โดยไม่มีผลข้างเคียง โดยก่อนทำแนะนำให้ปรึกษาหมอก่อนเพื่อให้หมอเรียงลำดับการทำหัตถการตามความเหมาะสม

รีวิว hifu
  • Hifu + ฟิลเลอร์ : เคสนี้ทำ Hifu ยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย แล้วฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากการทรุดตัวของกระดูกให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นได้ทันทีหลังทำ และเมื่อผ่านไป 2-3 เดือน ผิวหน้าจะยกกระชับขึ้น เต่งตึงขึ้นอีกจากการทำไฮฟู่ครับ
รีวิว hifu โดย คุณเจสซี่
  • Hifu + โบท็อกซ์ + เมโสแฟต + ฟิลเลอร์ : เคสนี้ทำ Hifu 600 line ยกกระชับผิวทั่วใบหน้า ร่วมกับฉีดโบท็อกลดกรามปรับหน้าให้เรียวยิ่งขึ้น เติมเต็มร่องลึกใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ และฉีดเมโสแฟตเพื่อสสลายไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียงครับ

Hifuข้อเสีย มีอะไรบ้าง ?

1. Hifuข้อเสีย ตรงที่รู้สึกเจ็บขณะทำเล็กน้อย

Hifu ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย ไม่เจ็บคือไม่ได้ผลครับ เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานสูงลงลึกถึงชั้นผิว SMAS ทำให้รู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ หรืออุ่น ๆ บริเวณใต้ชั้นผิวระหว่างทำ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ รวมถึงก่อนทำจะมีการแปะยาชา สามารถช่วยลดความเจ็บได้ครับ

แปะยาชาก่อนทำ Hifu คุณเจสซี่
แปะยาชาก่อนทำ Hifu
ขณะทำ Hifu คุณเจสซี่
ขณะทำรู้สึกตึง ๆ หรืออุ่น ๆ บริเวณใต้ชั้นผิว

2. ข้อเสียHifu อาจมีอาการบวม รอยแดง

หลังทำ Hifu อาจมีอาการบวม รอยแดง โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีผิวบางช้ำง่าย เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้เป็นปกติครับ ไม่อันตราย โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ยุบลงไปได้เองประมาณ 2-3 วัน ระหว่างนั้นควรปฏิบัติตามวิธีดูแลตัวเองหลังทำ Hifu จะช่วยให้อาการบวมยุบได้ไวขึ้น

3. ข้อเสียของการทำไฮฟู คือ ผลลัพธ์อยู่ไม่ได้ถาวร

ผลลัพธ์จากการรักษาอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บ สภาพผิวเดิม รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำก็มีส่วนต่อระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ครับ

4. Hifuข้อเสีย อาจทำให้หน้าเบิร์น ปากเบี้ยว ไม่เห็นผลลัพธ์

หากไม่ระวังในการเลือกคลินิก อาจเจอเครื่อง Hifu ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีพลังงานไม่คงที่ ทำให้หมอต้องลดความเสี่ยงด้วยการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ตอนยิงจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ทำแล้วก็จะไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน และในบางเคสอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง เช่น หน้าไหม้ ปากเบี้ยวได้เลยครับ

5. Hifuข้อเสีย อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน

ไฮฟู่เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง มีผลข้างเคียงน้อย แต่ไม่สามารถทำได้ในทุกคนครับ โดยกลุ่มคนที่ไม่ควรทำ Hifu ได้แก่

  • ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แนะนำให้รอคลอดก่อนแล้วค่อยมาทำครับ 
  • ผู้ที่มีสิวอักเสบบนใบหน้า
  • ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเริม
  • ผู้ที่มีบาดแผลที่ยังไม่หายดี มีแผลคีลอยด์
  • ผู้ที่เป็นโรคไต หรือผู้ที่มีโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ที่ต้องใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (pacemaker)
  • ผู้ที่สูญเสียความรู้สึก หรือการรับความรู้สึกบกพร่อง

ข้อควรรู้ ข้อห้าม การปฏิบัติตัวก่อน – หลังทำ Hifu ให้เห็นผลชัดเจน

ข้อควรปฏิบัติก่อนทำ Hifu

ข้อควรปฏิบัติก่อนทำ Hifu
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • เตรียมข้อมูลโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาที่กำลังรับประทานอยู่ไว้แจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ สำหรับใครที่มีปัญหาโรคผิวหนังอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำครับ

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามหลังทำ Hifu

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามหลังทำ Hifu
  • ทาครีมบำรุงได้ตามปกติ และควรทาครีมที่มี SPF สูง
  • หากมีอาการตึงผิว สามารถทานยาแก้ปวดได้
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้ง 1-2 สัปดาห์ เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรง ๆ
  • งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำลายคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

Hifu – Ulthera – Thermage มีข้อดี – ข้อเสีย ต่างกันอย่างไรบ้าง ?

เปรียบเทียบ Hifu - Ulthera - Thermage

ทั้ง Hifu, Ulthera และ Thermage  ต่างก็เป็นเครื่องมือยกกระชับที่มุ่งให้ผลลัพธ์ในการลดความหย่อนคล้อยของผิว ลดเลือนริ้วรอย แต่ก็มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันครับ โดยหมอขอเปรียบเทียบทั้งสามหัตถการในด้านการยกกระชับ ความเจ็บ ระยะเวลาคงผลลัพธ์ และราคา ดังนี้ครับ

  • การยกกระชับ

ในด้านการยกกระชับ Hifu และ Ulthera จะเด่นกว่า Thermage เพราะสามารถยิงพลังงานสูงลงได้ถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวสำคัญที่มีผลต่อการยกกระชับหน้าครับ และ Ulthera ที่มีจุดพลังงานที่ใหญ่กว่า Hifu ทำให้ประสิทธิภาพของการยกกระชับและระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า แต่ก็จะรู้สึกเจ็บได้มากกว่าการทำ Hifu

ส่วนการทำเทอร์มาจสามารถส่งพลังงานถึงชั้นผิวหนังแท้ รวมถึงชั้นไขมัน จึงเด่นในเรื่องของการสลายไขมัน เพิ่ม Skin Quality (ผิวเด็ก) ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน มากกว่าการยกกระชับ

  • ระดับความเจ็บ

จากกระบวนการทำงานในการยกกระชับผิวส่งผลให้การทำหัตถการงานผิวด้วยเครื่องยกกระชับจะรู้สึกเจ็บขณะทำครับ แต่ Thermage จะยิงพลังงานลงผิวในลักษณะก้อนพลังงานความร้อนทำให้รู้สึกเจ็บได้มากกว่าการทำ Hifu กับ Ulthera ที่ยิงในลักษณะจุดไข่ปลาเรียงกันเป็นเส้นตรง 

โดยถ้าให้เรียงลำดับความเจ็บตามความคิดเห็นของคนไข้ส่วนใหญ่ที่เคยใช้บริการ จะบอกว่า Thermage > Ulthera > Hifu ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระดับความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคนด้วยครับ

  • ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์
  • Hifu ผลลัพธ์อยู่ได้ 5-6 เดือน
  • Ulthera ผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี 
  • Thermage ผลลัพธ์อยู่ได้ 1-2 ปี
  • ราคา

ในบรรดาเครื่องมือยกกระชับผิว Hifu มีราคาที่ย่อมเยาสุดครับ ใครที่มีงบประมาณปานกลาง เจ็บไม่มาก ไม่ได้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย การทำ Hifu จะให้ความคุ้มค่าที่สุด 

ส่วนการทำ Ulthera หรือ Thermage จะมีราคาที่สูงขึ้นมาอีกครับ ข้อดีคือจะเห็นผลได้ยาวนานกว่า แต่ก็เจ็บได้มากกว่า ซึ่งหลายคนอาจไม่สามารถทนเจ็บได้ทำให้ต้องขอปรับลดพลังงานลง จึงไม่ค่อยคุ้มค่าในคนที่ทนเจ็บได้น้อย


ไฮฟูดีไหม ทำไมถึงเป็นที่นิยม ?

Hifu ดีไหม

Hifu ดีไหม ? การทำ Hifu เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตามหาวิธียกกระชับผิวในราคาที่คุ้มค่าครับ สามารถช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ และทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดปัญหาก็สามารถทำได้ครับ เป็นการป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต


ทำ Hifu ที่ไหนดี ? มีวิธีเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ?

  1. คลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย ได้รับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีป้ายชื่อสถานพยาบาล และเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักที่เห็นชัดเจนติดอยู่หน้าคลินิก ภายในคลินิกสะอาด ปลอดเชื้อ ไม่แออัด
  2. ใช้เครื่อง Hifu ที่ได้มาตรฐาน เป็นเครื่องเกรดดี ผ่านการรับรองความปลอดภัย และนำเข้ามาอย่างถูกต้อง
  3. แพทย์มีประสบการณ์ ในการใช้เครื่องไฮฟู สามารถวางแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ประเมินจำนวนไลน์ได้เหมาะสมกับปัญหา ยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ และต้องเป็นแพทย์จริงที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาครับ
  4. มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ควรดูรีวิวที่แสดงความคิดเห็นต่อการใช้บริการ ผลลัพธ์ที่ได้ในแหล่งที่เป็นกลาง เพราะทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกเองได้ และคลินิกควรมีรีวิวก่อนทำหลังทำที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยควรดูทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอ
เช็ก Hifu เครื่องแท้

สรุป

Hifuข้อเสีย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วถือว่าจะมีน้อยกว่าครับ ในขณะที่ข้อดีจะมีมากกว่า รวมถึงราคามีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยการจะทำไฮฟูให้เห็นผลได้ชัดเจน แนะนำว่าควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องไฮฟู่ที่มีคุณภาพ รวมถึงควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมิน และวางแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน