ร้อยไหม คืออะไร ? ก่อนร้อยไหมควรรู้อะไรบ้าง ?

Categories
ยกกระชับใบหน้า
ร้อยไหม

การร้อยไหม

ร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี จนแพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา และรวมทั้งประเทศไทย บทความนี้หมอจะมาให้คำตอบว่า ร้อยไหม คืออะไร ? ต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร ? ทำไมถึงเป็นที่นิยม  

สำหรับผู้ต้องการร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ยกคิ้ว ยกหางตา ก่อนร้อยไหมควรศึกษาอย่างละเอียดว่า ร้อยไหมเหมาะกับใคร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? อยู่ได้นานไหม ? ราคาเท่าไหร่ ? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัยและคุ้มค่า สามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ  

สารบัญ ร้อยไหม

  1. การร้อยไหม คืออะไร ?
  2. ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
  3. ร้อยไหมตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
  4. ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหม
  5. ไหมที่ใช้ร้อย มีกี่ชนิด มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร ?
  6. ร้อยไหมอยู่ได้นานไหม ? อยู่ได้กี่เดือนถึงจะละลาย
  7. ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมแตกต่างกันออกไป
  8. ข้อดีของการร้อยไหม
  9. ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหม
  10. การเตรียมตัวก่อนทำการร้อยไหม
  11. ขั้นตอนและหลักการทำงานของการร้อยไหม
  12. ข้อห้ามและการปฏิบัติตัวหลังจากทำการร้อยไหม
  13. ปัญหาที่อาจพบจากการร้อยไหม
  14. ร้อยไหม Hifu Ulthera Thermage อันไหนดีกว่ากัน แตกต่างกันอย่างไร ?
  15. ร้อยไหม ราคา
  16. โปรโมชั่นร้อยไหม
  17. ร้อยไหมที่ไหนดี ? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล
  18. ร้อยไหมที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
  19. รีวิวการร้อยไหม
  20. Q&A การร้อยไหม

การร้อยไหม คืออะไร ?

การร้อยไหม (Thread Lifting) คือ เทคนิคยกกระชับผิวด้วยการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ผิวจะถูกเงี่ยงไหมเกี่ยวขึ้นมาตามทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณรอบเส้นไหม และเลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้นอย่างชัดเจน

ร้อยไหม โดยหมอซี

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

การร้อยไหม เน้นยกกระชับเป็นหลักครับ นอกจากจะสามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยแล้ว ยังช่วยปรับรูปหน้า V-Shape เสริมจมูกโด่ง เก็บปีกจมูก และช่วยเพิ่มคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้เรียบเนียนครับ


ร้อยไหมตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

ตำแหน่งที่นิยมร้อยไหม ได้ผลลัพธ์ดีและปลอดภัย ได้แก่ ร้อยไหมหน้า ร้อยไหมยกหางตา และยังมีอีกหลายตำแหน่งที่สามารถร้อยไหมได้ เช่น ร้อยไหมจมูก ร้อยไหมหน้าผาก ร้อยไหมมยกมุมปาก และร้อยไหมคอลลาเจนครับ

ตำแหน่งร้อยไหม คุณนิโคล

ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหม

การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย คิ้วตก หางตาตก ต้องการยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียวโดยไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว


ไหมที่ใช้ร้อย มีกี่ชนิด มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร ?

ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมจะเป็นไหมละลายที่เกิดจากการสังเคราะห์ เมื่อร้อยไหมเข้ากับใบหน้า ไหมจะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ แบ่งได้ 3 ชนิดตามประเภทวัสดุ คือ PDO, PLLA และ PCL มีคุณสมบัติที่ต่างกัน ดังนี้ครับ

  • PDO (Polydioxanone) เป็นไหมสีน้ำเงิน ยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ ขณะร้อยจะไม่รู้สึกระคายเคือง      
  • PLLA (Polylactate) เป็นไหมเส้นสีขาวใส พัฒนามาจากไหม PDO มีจุดเด่นด้านความแข็ง ทนต่อแรงดึง ข้อดีคือกระตุ้นคอลลาเจนได้เยอะ สามารถเติมแทนฟิลเลอร์ได้ แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น บาง เปราะ ขาดง่าย
  • PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมสีขาวเส้นใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย ปัจจุบันรุ่นล่าสุดได้นำจุดเด่นของไหม PLLA มาผสม ทำให้ไหม PCL+PLLA มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีและละลายช้า
ชนิดของไหม

นอกจากนี้ การร้อยไหมยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของเส้นไหม เป็น 6 แบบหลัก ๆ คือ ไหมเรียบ ไหมเงี่ยง ไหมเกลียว ไหมกรวย ไหมมิ้นท์ และไหม Tesslift Soft โดยแต่ละคลินิกอาจใช้ชื่อเรียกแตกต่างกัน เพื่อเหตุผลทางการค้า ป้องกันการนำไปเปรียบเทียบกับคลินิกอื่น และให้ง่ายต่อการเรียกครับ ได้แก่

ลักษณะเส้นไหม

1. ไหมเงี่ยง

ไหมเงี่ยง หรือที่นิยมเรียกกันว่า ร้อยไหมก้างปลา ความจริงแล้วยังมีอีกหลายชื่อครับ เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปากฉลาม, ไหม 8d หรือไหมเขี้ยวงู เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมา เพื่อช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น แบ่งออกตามขนาดของเส้นไหม คือ ไหมเงี่ยงใหญ่ และไหมเงี่ยงเล็ก     

2. ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)

ไหมมิ้นท์ เป็นไหมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และปรับรูปหน้าให้ V-Shape มีลักษณะพิเศษ คือ มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม 360 องศา แบบ 3 มิติ ช่วยเพิ่มแรงในการเกาะติดกับผิวหนังได้หลายทิศทาง ตัวไหมมีความแข็งแรง ไม่เปราะง่าย  

3. ไหมตาข่าย (Tesslift Soft)

ไหมตาข่าย หรือไหมโครงตาข่าย เป็นไหมละลายที่เป็นไหมเงี่ยงล้อมรอบด้วยตาข่าย มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงของเส้นไหม ทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า สามารถช่วยยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี เพราะการร้อยไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมถึง 2 เส้น 

4. ไหมเกลียว 

ไหมเกลียว เป็นไหม 2 เส้นเกลียวเข้าด้วยกัน  หรือมีซิลิโคนพันอยู่รอบเส้นไหม เพื่อช่วยดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้น แต่จะเหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยไม่มาก และสามารถทำร่วมกับไหมชนิดอื่น

5. ไหมกรวย

ไหมกรวย มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า ไหมเทอร์โบ, ไหมโคน หรือ ไหมกรวย Silhouette มีลักษณะเป็นพลาสติกทรงกรวยเล็ก ๆ อยู่ระหว่างปมของเส้นไหม หลังทำอาจมีอาการปวดหรือบวม ใช้เวลาทำนานและราคาสูง จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมครับ 

6. ไหมเรียบ

ไหมเรียบ เป็นไหมละลายเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ช่วยเรื่องริ้วรอย แต่ไม่สามารถช่วยดึงยกกระชับผิวได้ ในปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้แล้วครับ   


ร้อยไหมอยู่ได้นานไหม ? อยู่ได้กี่เดือนถึงจะละลาย 

ร้อยไหมอยู่ได้นานตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 1 ปี แล้วละลายหมดครับ ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม ดังนี้

  1. PDO อยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน
  2. PLLA อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
  3. PCL อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี 
ร้อยไหมแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร ? อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมแตกต่างกันออกไป

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมของแต่ละคนอยู่ได้นานไม่เท่ากันครับ บางคนไหมอยู่ได้ 4 เดือน 6 เดือน หรือบางคนอาจอยู่ได้นานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่เลือกใช้ สภาพผิวเดิม การสร้างอิลาสติน และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลครับ


ข้อดีของการร้อยไหม

ร้อยไหมดีอย่างไร ? การร้อยไหมมีข้อดีในการช่วยแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว V Shape หลังทำไหมจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวเต่งตึง แลดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับทันที มีความปลอดภัย ไหมละลายหมดตามระยะเวลา ไม่ทิ้งสารตกค้างครับ     


ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหม

ก่อนตัดสินใจร้อยไหม คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย หมอมีข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนร้อยไหมมาแนะนำครับ ดังนี้

  1. ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหมและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมก่อนที่ไหมจะละลายหมด ทำให้ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้ไม่นานตามที่โฆษณา 
  2. หากร้อยไหมกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ไม่รู้เทคนิคที่ถูกต้อง ร้อยไหมในผิวชั้นตื้นเกินไป อาจทำให้เกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหม หรือถ้าร้อยไหมทับซ้อนกันมากเกินไป จะทำให้เกิดเป็นพังผืดใต้ผิวหนัง ดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้ครับ
  3. เทคนิคการร้อยไหม ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ และการออกแบบว่าจะร้อยไหมไปในทิศทางไหน เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของคนไข้และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคและตำแหน่งถูกต้อง ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงได้ครับ 

การเตรียมตัวก่อนทำการร้อยไหม

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมไม่ยุ่งยากครับ เพียงแต่ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา หรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง และงดวิตามินหรือยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน, Vitamin E, St. Johns Wort, Primrose Oil, Ginko Biloba อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ รวมทั้งควรงดการแว็ก การผลัดเซลล์ผิว นวดหน้า หรือเลเซอร์หน้าเป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ เพื่อลดอาการบวมช้ำหลังร้อยไหมครับ

เตรียมตัวก่อนร้อยไหม

ขั้นตอนและหลักการทำงานของการร้อยไหม

ขั้นตอนการร้อยไหม ที่ V Square Clinic ขั้นแรกหมอจะวิเคราะห์โครงหน้าของคนไข้ ประเมินสภาพผิวเพื่อดูว่าควรใช้ไหมประเภทใด จำนวนเท่าไหร่ และออกแบบทิศทางการร้อยไหม จากนั้นหมอจะใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง และดึงผิวขึ้นมาตามแนวเส้นไหม โดยไหมที่ร้อยเข้าไปจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินรอบ ๆ บริเวณที่ร้อยไหม ช่วยดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้นได้ครับ

ขั้นตอนการร้อยไหม

ข้อห้ามและการปฏิบัติตัวหลังจากทำการร้อยไหม

หลังร้อยไหม คนไข้ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง และเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากขึ้น หมอได้รวบรวมวิธีการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม ดังนี้ครับ

  • หลังร้อยไหม 48 ชม. ควรหลีกเลี่ยงของหมักดอง ของดิบ แอลกอฮอล์ และงดสัมผัสความร้อนทุกชนิด ช่วยให้ยุบบวมได้ไวขึ้นครับ
  • 3 วันแรก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือกดนวดในบริเวณที่ร้อยไหม และหลีกเลี่ยงการทาครีมอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ป้องกันการติดเชื้อ
  • ไม่ควรนอนตะแคง หรือนอนคว่ำใน 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ร้อยไหม
  • ในช่วง 1 เดือนหลังร้อยไหม คนไข้ไม่ควรอ้าปากกว้าง แปรงฟันแรง ๆ หรือแสดงสีหน้าเยอะ ๆ ป้องกันไหมเคลื่อนที่หรือไหมขาด
  • งดการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้ความร้อนลงผิวชั้นลึก เป็นเวลา 1 เดือน
  • งดสูบบุหรี่ เพราะสารในบุหรี่จะไปขยายหลอดเลือด ทำให้ยุบบวมช้า และผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง

ปัญหาที่อาจพบจากการร้อยไหม

หากเลือกร้อยไหมกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหลังการร้อยไหมได้ดังนี้ครับ 

ร้อยไหมแล้วหน้าบุ๋ม  

หลังร้อยไหมแล้วหน้ามีรอยบุ๋ม สาเหตุเกิดจากแพทย์ขาดประสบการณ์ในการร้อยไหม ดึงไหมตึงเกินไป ทำให้ผิวถูกดึงรั้ง เห็นเป็นร่องบุ๋ม ทางที่ดีคนไข้ควรเลือกร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย         

ร้อยไหมแล้วหน้าเป็นคลื่น 

ร้อยไหมแล้วหน้าเป็นคลื่น ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนครับ บางเคสร้อยไหมแล้วหน้าเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบเนียน สาเหตุเกิดจากการดึงไหมไม่พอดี หลังร้อยไหมจะเห็นว่าหน้าเป็นคลื่นไม่เสมอกัน ต้องรอประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ไหมเซตตัวเข้าที่

ร้อยไหมแล้วเป็นไต

หากจับและสัมผัสผิวหลังร้อยไหมดู จะพบว่าบางรายอาจมีก้อนเป็นไตบริเวณที่ร้อยไหม เกิดจากการที่ไหมดึงผิวที่หย่อนคล้อยไปกองรวมกันทำให้ผิวเป็นก้อน อาการนี้จะเป็นแค่ช่วงแรกครับ และจะหายไปเองเมื่อไหมเข้าที่ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 

ร้อยไหมแล้วหน้าเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน

สาเหตุของการร้อยไหมแล้วหน้าเบี้ยวนั้น อาจเกิดจากการบวมยาชา หรือแรงดึงยกของไหมที่ยกหน้าขึ้น ทำให้หน้าดูไม่เท่ากัน แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 2 ชั่วโมง   

ร้อยไหมแล้วโหนกแก้มใหญ่ 

บางเคสร้อยไหมแล้วรู้สึกว่าโหนกแก้มดูใหญ่ขึ้น เกิดจากการดึงไหมผิดแนวครับ หากร้อยไหมเพื่อดึงร่องแก้มโดยตรงจะทำให้โหนกแก้มมีเนื้อเยอะขึ้น หน้าดูบวมได้ หมอจะแนะนำให้ร้อยไหมตรงบริเวณใกล้มุมปากและกรอบหน้า เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยครับ


ร้อยไหม Hifu Ulthera Thermage อันไหนดีกว่ากัน แตกต่างกันอย่างไร ?

หากถามว่าการร้อยไหม กับหัตถการอื่น ๆ อันไหนดีกว่ากัน หมอขอตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคนครับ เพราะแต่ละวิธีมีข้อดีต่างกัน สามารถแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ร้อยไหม หลังทำเห็นผลลัพธ์การยกกระชับทันทีและชัดเจน เหมาะกับผู้ที่แก้มหย่อนมาก ๆ
  • ฟิลเลอร์ เน้นปรับโครงสร้างใบหน้า ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยจากการยุบตัวของกระดูก
  • โบท็อก เน้นลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่มีสาเหตุความหย่อนคล้อยมาจากกล้ามเนื้อบนใบหน้า มีกล้ามเนื้อกรามเยอะและมีริ้วรอย     
  • Hifu / Ulthera ช่วยยกกระชับ เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ในบางจุดที่การร้อยไหมเข้าไม่ถึง เหมาะกับผู้ที่แก้มหย่อนไม่เยอะ       
  • Thermage ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับผิวทำให้ผิวแน่นขึ้น และสลายไขมัน เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าเยอะ      

ร้อยไหม ราคา

การทำร้อยไหม ราคาจะขึ้นอยู่กับชนิด วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ ร้อยไหมที่ V Square Clinic ราคาจะเริ่มต้นที่ 8,900.- ครับ


โปรโมชั่นร้อยไหม

โปรโมชั่นร้อยไหม
  • ร้อยไหมก้างปลา PDO
    – 8,900.- / 6 เส้น
    – 13,000.- / 10 เส้น
  • ร้อยไหมก้างปลา PCL
    – 14,000.- / 4 เส้น
    – 18,000.- / 6 เส้น
    – 25,000.- / 10 เส้น
  • Mint Lift
    – 15,000.- / 4 เส้น
    – 25,000.- / 8 เส้น
    – 35,000.- / 12 เส้น
  • Tesslift Soft
    – 20,000.- / 4 เส้น
    – 28,000.- / 6 เส้น
    – 35,000.- / 8 เส้น
  • Tesslift Foxy Eye แก้ตาตก
    – 25,000.- / 2 เส้น
    – 40,000.- / 4 เส้น
  • ร้อยไหมจมูก
    – 9,900.- / 6 เส้น
    – 15,000.- / 10 เส้น

ร้อยไหมที่ไหนดี ? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล

การร้อยไหมให้ได้ผลดี คนไข้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักครับ โดยสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่อไปนี้

  • เลือกร้อยไหมในคลินิกที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุขและเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ห้องทำหัตถการกว้างขวาง สะอาด ปลอดเชื้อ และมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย       
  • เลือกร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ หมอที่ให้บริการควรเป็นแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิกและมีประสบการณ์ด้านการร้อยไหม เพราะไม่ใช่หมอคนไหนจะร้อยไหมได้ครับ ต้องอาศัยประสบการณ์และความแม่นยำในการทำสูง หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ก็จะช่วยลดโอกาสบวมช้ำและได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • เลือกใช้ไหมแท้และมีคุณภาพ ไหมที่ใช้ต้องได้มาตรฐาน สลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ก่อนทำคนไข้สามารถตรวจสอบกับคลินิกได้ว่าจะใช้ไหมประเภทไหนและเปรียบเทียบราคาของแต่ละคลินิก เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากโฆษณาครับ   
คลินิกร้อยไหม

ร้อยไหมที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

ร้อยไหมที่ V Square Clinic ใช้ไหมที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก FDA ของประเทศไทยและต่างประเทศว่าปลอดภัย ให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก่อนทำหมอจะตรวจประเมินใบหน้าอย่างละเอียดทุกเคส พร้อมทั้งเลือกชนิดและจำนวนไหมให้เหมาะสมกับปัญหาและตรงตามความต้องการของคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่าครับ   


รีวิวการร้อยไหม

รีวิวร้อยไหมก้างปลา
รีวิวร้อยไหม PCL
รีวิวร้อยไหมมิ้นท์
รีวิวร้อยไหมยกหางตา Foxy eye
รีวิวร้อยไหมจมูก

Q&A การร้อยไหม

ก่อนร้อยไหมต้องฉีดยาชาไหม ?

ในขั้นตอนการร้อยไหม หมอจะมีการฉีดยาชาเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนัง ตามแนวที่ต้องการร้อยไหม เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการร้อยไหมครับ

ร้อยไหมพักฟื้นกี่วัน ?

การร้อยไหม ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นครับ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังทำคนไข้อาจจะรู้สึกตึง ๆ และบวมบริเวณผิวเล็กน้อย แต่จะหายได้เองใน 7-14 วัน และใบหน้าเข้าที่ชัดเจนประมาณ 1 เดือน

ร้อยไหมแล้วแต่งหน้าได้ไหม ?

หลังร้อยไหม สามารถแต่งหน้าได้ แต่ต้องงดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน จากนั้นสามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ และแต่งหน้าได้ตามปกติครับ

ร้อยไหมแล้วฉีดโบได้ไหม ?

ร้อยไหมและโบท็อก สามารถทำร่วมกันได้ครับ สำหรับเคสที่มีปัญหากรามใหญ่ และมีผิวหน้าหย่อนคล้อย การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิว ส่วนการฉีดโบท็อกจะลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ช่วยให้กรามมีขนาดเล็กลง หากทำร่วมกันก็จะยิ่งทำให้เห็นผลลัพธ์หน้าเรียวสวยชัดเจนมากขึ้น

ร้อยไหมแล้วทำไฮฟู่ได้ไหม ?

สำหรับผู้ที่เคยร้อยไหมมาแล้ว สามารถทำ Hifu ได้ครับ อย่างที่หมอได้บอกไปว่าการร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิว ส่วนการทำ Hifu จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ใบหน้ากระชับและผิวแน่นฟู หากทำร่วมกันก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีกว่าเดิมครับ 


สรุป

การร้อยไหม เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้น ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันทีหลังทำ ก่อนทำคนไข้ควรเข้าปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อประเมินและวางแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และตรงตามความต้องการของคนไข้ครับ 


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ37คน