Oligio กับ Thermage
Oligio กับ Thermage มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ? ระหว่าง Oligio vs Thermage เลือกอะไรดี ?
ปัจจุบันคลินิกเสริมความงามมีการนำเข้าเครื่องมือใหม่ ๆ โดยเฉพาะเครื่องมือยกกระชับ ซึ่งต้องบอกว่าถูกใจสายเครื่องมาก ๆ ครับ บทความนี้หมอจะมาอัปเดตเครื่องยกกระชับตัวใหม่ Oligio ให้ได้รู้จักกันในทุกแง่มุม พร้อมเปรียบเทียบให้กับเครื่องยกกระชับตัวท็อปอย่าง Thermage FLX ช่วยเรื่องไหนบ้าง ? ข้อดี-ข้อเสียของ Oligio กับ Thermage ก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องยกกระชับ No.1 ในใจกันครับ
สารบัญ Oligio กับ Thermage
ทำไมต้อง Oligio กับ Thermage ?
ถ้าพูดถึงเครื่องยกกระชับผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับสายเครื่องต้องเคยได้ยินหรือรู้จัก Thermage (เทอร์มาจ) ซึ่งจัดอยู่ในเรนจ์เครื่องยกกระชับตัวท็อปในคลินิกเสริมความงาม แต่นอกจาก Thermage ยังมีเครื่องอื่น ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาอย่าง Oligio (โอลิจิโอ) ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ประสิทธิภาพการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันอย่างไร หมอจะพาไปรู้จัก พร้อมเปรียบเทียบความเหมือน-ความต่างของทั้ง 2 เครื่องนี้กันครับ
Oligio
Oligio คือ เครื่องยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ชนิด Monopolar RF ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง สามารถยกกระชับผิวหน้าและลำคอโดยไม่ต้องผ่าตัด ลดเลือนริ้วรอย ร่องแก้ม ปรับผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน และลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า เหมาะกับผู้ที่อยากแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือรูขุมขนกว้าง หลังทำผิวดีขึ้นเรื่อย ๆ ใน 3 เดือน คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
เป็นเครื่องยกกระชับตัวใหม่ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย ในปี 2024 พัฒนาโดย WONTECH บริษัทเทคโนโลยีด้านความงามและการแพทย์จากประเทศเกาหลีใต้ นำเข้าจัดจำหน่ายในไทยโดย WONTECH ASIA (วอนเทค เอเชีย)
Thermage
Thermage คือ เครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับผิว สลายไขมัน และกระตุ้นคอลลาเจน เป็นเครื่องตัวท็อปที่สุดในกลุ่มเครื่องยกกระชับ ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF ยิงลงไปในชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ผิวชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ จนถึงชั้นไขมัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดริ้วรอย และช่วยสลายไขมันบริเวณแก้ม เหนียง ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ปรับรูปหน้าเรียวเล็ก โดยไม่ต้องผ่าตัด
ทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ถุงใต้ตา ร่องแก้ม และลำตัว เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ไขมันใบหน้าเยอะ มีเหนียง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี มีความปลอดภัย ผ่านการรับรอง US FDA และ อย.ไทย พัฒนาโดย Solta Medical Inc. บริษัทคิดค้นและวิจัยเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ชั้นนำระดับโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายในไทยโดยบริษัท ซอลต้า เมดิคอล (ประเทศไทย) (Solta Medical Thailand)
Oligio VS Thermage FLX เหมือน หรือ ต่าง ? อย่างไร ?
เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับ 2 เครื่องมือนี้ให้มากขึ้น หมอเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของ Oligio กับ Thermage FLX ดังนี้
ความเหมือนกันของ Oligio กับ Thermage FLX
- ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ส่งพลังงานแบบขั้วเดียวเหมือนกัน คลื่นความถี่ที่ 6.78 MHz
- ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย
- พลังงานลงลึก 3 ชั้นผิว คือ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน(Subcutaneous Fat)
- ยกกระชับ (Lift Up) บริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน พร้อมสลายไขมันในคราวเดียว
- นับจำนวนการยิงเป็นชอต (Shot)
- มีหัวยิง (หัว Tips) สำหรับหน้า และหัวยิงรอบดวงตา
- มีระบบปล่อยความเย็น (Pre and Post Cooling) และระบบสั่น (Vibration) ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บและไม่ทำลายผิวชั้นนอก
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- สามารถทำร่วมกับหัตถการงานฉีด เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก (เว้นระยะห่าง 1 เดือน)
ความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบ Oligio VS Thermage FLX
- ผลิตคนละประเทศ Oligio เกาหลีใต้ Thermage FLX สหรัฐอเมริกา
- Thermage FLX ใช้มานานกว่า เป็นที่นิยมทั่วโลก
- Oligio พัฒนาออกมารุ่นเดียว ต่างจาก Thermage ที่มีการพัฒนามาหลายรุ่น ตั้งแต่ Thermage TC (2003) Thermage NXT (2007) Thermage CPT (2009) ล่าสุด Thermage FLX (2018)
- ชื่อรุ่นของ Thermage FLX บอกถึงจุดเด่นของตัวเครื่องที่มีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง F (Faster), L (Algorithm) และ X (Experience)
- หัวยิง Oligio มีน้อยกว่า (ปัจจุบันที่ใช้ในประเทศไทยยังมีเฉพาะหัว Face) Thermage FLX มีหัว Face , Eye และ Body ขนาด 16 cm2 ยกกระชับลำตัว เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง
- ระยะเวลาอยู่ได้นาน Oligio 6-12 เดือน Thermage FLX 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลแต่ละบุคคล)
- ราคา Olgio มีราคาถูกกว่า แต่ต้องทำบ่อยกว่า เนื่องจากระยะเวลาอยู่ได้สั้นกว่า
- ความเจ็บ Oligio จะเจ็บน้อยกว่า ขณะที่ Thermage เจ็บมากกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทนต่อความเจ็บ และการปรับตั้งค่าพลังงานของแพทย์
ข้อดี – ข้อเสีย ของ Oligio กับ Thermage
นอกจากความเหมือน และความแตกต่าง Oligio VS Thermage FLX ที่หมออธิบายไปข้างต้น ยังมีข้อดี ข้อเสีย ที่ควรรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำ Oligio
ข้อดี ของการทำ Oligio
- ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย
- ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจน กระชับรูขุมขน
- ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 20-30 นาที (ขึ้นอยู่กับจำนวน Shot)
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้นนาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- สามารถทำร่วมกับหัตถการงานฉีด เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก ตามคำแนะของแพทย์
ข้อเสีย ของการทำ Oligio
- หากทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือ หรือทำ Oligio เครื่องปลอม ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ รอยดำ รอยแผลเป็น
- ผิวอาจแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ทำ สามารถหายได้เอง
ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำ Thermage
ข้อดี ของการทำ Thermage
- หน้ากระชับได้รูป ผิวแน่นขึ้น ลดริ้วรอย
- สลายไขมันบริเวณใบหน้า เหนียง
- ครอบคลุมทุกชั้นผิวและชั้นไขมัน
- ทำ Thermage FLX ได้ทั้ง ใบหน้า ลำคอ และลำตัว
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ผิวตึงกระชับขึ้น เห็นผลชัดเจนตั้งแต่เดือนที่ 2 ขึ้นไป
- ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 40-90 นาที
- ผลลัพธ์ยาวนาน 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ)
ข้อเสียของการทำ Thermage
- หากทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือ ปรับพลังงานไม่เหมาะสม หรือทำ Thermage เครื่องปลอม ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ หรือหากยิงโดนเส้นประสาท อาจทำให้หน้าเบี้ยวได้
- อาจเกิดรอยแดงหลังทำ สามารถหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
Oligio กับ Thermage FLX เลือกอะไรดีกว่ากัน ?
Oligio ของหลาย ๆ คลินิกจัดอยู่ในโปรแกรมการทำทรีตเมนต์ยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย ผิวสวยใส โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งจะต่างจาก Thermage FLX ที่พิสูจน์ผลลัพธ์ในการยกกระชับ ขึ้นแท่นเครื่องยกกระชับตัวท็อปทั้งประสิทธิภาพและราคา
ถ้าถามหมอว่า Oligio กับ Thermage เลือกอะไรดีกว่ากัน ? ทั้ง 2 เครื่องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แม้จะใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ความแรงและความลึกของพลังงานต่างกัน ซึ่งอันนี้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเทคนิคที่แพทย์ใช้ด้วยครับ และถึงแม้จะสามารถแก้ปัญหาได้คล้าย ๆ กัน แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ดี ไม่ได้อยู่ที่เครื่องมืออย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินใบหน้า วิเคราะห์ปัญหาของแพทย์ด้วย
ถ้าคนไข้อายุ 40 + ผิวเสื่อมสภาพ หย่อนคล้อย มีริ้วรอยมาก ไขมันส่วนเกินบนใบหน้าเยอะ อยากแก้ปัญหาแต่ไม่มีเวลาเข้าคลินิกบ่อย ๆ มีความพร้อมในด้านงบประมาณ ทนเจ็บได้ ชอบทำครั้งเดียวแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี หมอจะแนะนำ Thermage FLX ให้
ถ้ากลัวเจ็บ Oligio เจ็บน้อยกว่า ราคาถูกกว่า ต้องทำบ่อยกว่า เหมาะกับคนปัญหาน้อยกว่า ในเคสที่อายุไม่มาก ต้องการเน้นงานยกกระชับและงานผิว มีเวลาเข้าคลินิกบ่อย ๆ เพราะผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า แต่ในเคสที่อายุมากขึ้น เช่น 40 ขึ้นไป ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่า Thermage FLX เห็นผลในเรื่องของยกกระชับดีกว่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้ด้วย
ถ้าไม่เลือก Oligio กับ Thermage จะเลือกอะไรดี ?
ปัจจุบันเครื่องมือในกลุ่มยกกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด มีให้เลือกเยอะครับ ถือเป็นข้อดีครับที่คนไข้จะได้มีตัวเลือกในการแก้ปัญหาผิวที่เป็นกังวล ซึ่งจะเป็นเรื่องของความหย่อนคล้อยจากการที่ผิวเสื่อมสภาพ ขาดคอลลาเจน รวมถึงปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมบนใบหน้าและรูปร่าง
เครื่องยกกระชับอื่น ๆ
- Ulthera SPT
เครื่องยกกระชับ Ulthera SPT ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงลึกถึงใต้ผิวหนังชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า) ทำให้ผิวเกิดการหดตัว ช่วยลดความหย่อนคล้อย ผิวแน่นกระชับขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยเล็ก ๆ
- Hifu
มีให้เลือกทั้ง Hifu Ultraformer III และ Ultraformer MPT ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งพลังงานลงไปในผิวลึกถึงชั้น SMAS ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ได้เช่นกัน ช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่ม หน้าเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเล็ก ๆ ต้องการให้ผิวกระชับ Hifu ทั้ง 2 รุ่น ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน แต่ MPT มีหัวยิงหลากหลายขึ้น และใช้ระยะเวลาในการทำลดลง เจ็บน้อยลง
- Morpheus8
หรืออีกชื่อ คือ Morpheuse8 RF Microneedling ทำงานโดยใช้คลื่นวิทยุ RF+Microneedling กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ยกกระชับผิวเต่งตึง เรียบเนียน ซึ่งจุดที่แตกต่างจากเครื่องยกกระชับอื่นที่เด่นชัดจะเป็นเรื่องหัวยิงที่เป็นเข็มขนาดเล็ก เมื่อวางลงบนผิวจะส่งพลังงานผ่านหัวยิงเข้าไปกระตุ้นชั้นผิว ตั้งแต่ผิวชั้นบน ชั้นหนังแท้ ช่วยยกกระชับ ลดรอยยับ รอยย่นของผิว เน้นการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟูขึ้น
หัตถการฉีดอื่น ๆ
- ฟิลเลอร์ยกหน้า
ฟิลเลอร์นอกจากจะนำมาฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกในแต่ละจุดแล้ว ยังสามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ถึงผิวชั้นลึก เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับขึ้นได้ ด้วยเทคนิค Filler Lifting หรือฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า เป็นการฟิลเลอร์เข้าไปยังจุดที่ชั้นไขมันหรือกระดูกมียุบตัวลงตามวัย เพื่อปรับรูปหน้าให้ยกกระชับขึ้น ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- โบท็อกลิฟต์หน้า
โบท็อกลิฟต์หน้า หรือโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า เป็นฉีดโบท็อกเพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ โดยฉีดบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง หลังฉีดตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ ให้ออกแรงดึงได้น้อยลง ยกกระชับกรอบหน้าขึ้น ลิฟต์หน้าเรียวขึ้นครับ
- Collagen Biostimulator
ในกลุ่ม Collagen Biostimulator มีหลายตัวครับ แต่ละตัวมีจุดเด่นในเรื่องกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกระชับ เต่งตึง และมีโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งจะแตกต่างกันที่ส่วนประกอบหลัก กระบวนการทำงาน และการเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น Sculptra, Radiesse, Juvelook และ Gouri หมออธิบายแต่ละตัวอย่างละเอียด ในคลิปด้านล่าง
สรุป Oligio กับ Thermage เครื่องยกกระชับ เทคโนโลยี RF
Oligio VS Thermage เครื่องยกกระชับเทคโนโลยี RF ที่ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจนใหม่ และสลายไขมันส่วนเกิน ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น ผ่านการรับรองประสิทธิภาพของตัวเครื่องและความปลอดภัย แต่การจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สิ่งสำคัญคือประสบการณ์แพทย์ ที่นอกจากจะใช้เครื่องมือเป็น รู้เทคนิคการในการแต่ละตำแหน่ง แต่ละชั้นผิวแล้ว ยังต้องสามารถประเมินปัญหาและสภาพผิวของคนไข้ได้อย่างแม่นยำ เลือกใช้เครื่องมือได้เหมาะสม สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ