ข้อห้ามหลังดริปวิตามินผิว
ข้อห้ามหลังดริปวิตามิน มีอะไรบ้าง ?
ถ้าหากละเลย ข้อห้ามหลังดริปวิตามินผิว จะส่งผลเสียอะไรบ้าง ?
มีคนไข้หลายคนที่กังวลใจว่าหลัง Drip Vitamin จะไม่เห็นผล หรือเกิดผลข้างเคียงอันตราย หากดูแลตัวเองไม่เหมาะสมครับ ในบทความนี้หมอจึงสรุปข้อควรทราบ – ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามหลังฉีดวิตามินผิว เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และอยู่ได้นาน
สารบัญ ข้อห้ามหลังดริปวิตามิน
ข้อห้ามหลังดริปวิตามิน มีอะไรบ้าง ?
หมอขอเริ่มอธิบายเกี่ยวกับ Drip Vitamin หรือ Intravenous Vitamin Therapy ก่อนครับ ซึ่งก็มีด้วยกันหลายชื่อ เช่น ดริปวิตามินผิว, IV Drip, IV Booster, วิตามินบำบัด, หรือการฉีดวิตามินผิวขาว ทั้งหมดล้วนเป็นการนำวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารมาฉีดเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายแบบอย่างเร่งด่วน นิยมทำบริเวณข้อพับแขน หรือหลังมือ หลังทำจะมีเพียงรอยเข็มขนาดเล็กเท่านั้น
ข้อห้ามหลังดริปวิตามินผิวจึงไม่มีอะไรมากมายครับ แนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ และหลังดริปวิตามินไม่เห็นผลเท่าที่ควร
- งดสัมผัสแรง ๆ แกะ เกา บริเวณรอยเข็ม ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพราะกระตุ้นการอักเสบ และเพิ่มสารอนุมูลอิสระ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เพราะมีรังสี UV ที่ทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ฉีดวิตามินผิว อันตรายไหม ? มีผลข้างเคียงไหม ?
การฉีดวิตามินผิวปลอดภัยครับ หากทำโดยแพทย์ ภายในคลินิกความงามได้มาตรฐาน และวิตามินที่นำมาฉีดไม่มีส่วนผสมอันตราย ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังดริปวิตามินมีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ เท่านั้น เหมือนเวลาเราฉีดวัคซีนป้องกันโรคครับ ในรายที่มีผิวบอบบางอาจมีอาการช้ำเล็กน้อย สามารถหายได้เอง
ส่วนผลข้างเคียงอันตราย หรืออาการแพ้รุนแรง เช่น อาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ผื่นขึ้น และติดเชื้อ เกิดจากการฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉีดกับหมอกระเป๋า ดันยาเร็วเกินไป หรือสถานพยาบาลบางแห่งที่นำ Glutathione (กลูต้าไธโอน) มาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง เพื่อให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดอาการแพ้บนผิวหนังได้ครับ
ดริปวิตามินผิวแล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ? แก้ไขอย่างไร ?
การดริปวิตามินเป็นการบำรุงและฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพครับ เพราะเป็นการนำวิตามินเข้าร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรง ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องผ่านระบบย่อยอาหารเหมือนการกินวิตามิน ซึ่งให้ประโยชน์ทั้งในแง่ของการบำรุงผิวพรรณให้ใส ชะลอความเสื่อมของผิว และยังช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
สำหรับบางเคสที่ไม่เห็นผลตามที่คาดหวัง อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้
- ฉีดไม่ต่อเนื่อง : การฉีดครั้งเดียวแล้วไม่มาฉีดซ้ำ หรือเว้นช่วงนานเกินไป อาจทำให้ไม่เห็นผลชัดเจนเท่าที่ควรครับ
- สูตรวิตามินไม่เหมาะสม : สูตรที่ใช้อาจไม่ตรงกับปัญหาผิวหรือความต้องการของคนไข้
- สุขภาพพื้นฐาน : ผู้ที่ฮอร์โมนขาดความสมดุล หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น วัยทอง ไทรอยด์ มีความเครียด อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพหลังดริปวิตามินได้ครับ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต : การพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนลดประสิทธิภาพการฉีดวิตามิน และยังเป็นการทำลายผิวอีกด้วย
- ขาดการบำรุงผิว : หากไม่บำรุงผิวสม่ำเสมอ และไม่ทาครีมกันแดดร่วมด้วย อาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป : รังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ทำให้เกิดปัญหาผิวครับ เช่น ผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยก่อนวัย
- อายุและสภาพผิว : ผู้ที่มีอายุมากหรือมีปัญหาผิวรุนแรงอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
สำหรับการแก้ไข ในเบื้องต้นคนไข้ควรปรึกษากับแพทย์ และแจ้งถึงความคาดหวังของตัวเองครับ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงต้องมาฉีดวิตามินผิวต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ และไม่ละเลยข้อห้ามหลังดริปวิตามินผิว
ข้อควรรู้ : การดริปวิตามินผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป แต่ก็ต้องฉีดต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ครับ ในช่วง 1 เดือนแรก ควรฉีดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อปรับสภาพผิว หลังจากนั้นเว้นทุก 2-3 สัปดาห์ต่อการฉีด 1 ครั้ง
ถ้าหากละเลย ข้อห้ามหลังดริปวิตามินผิว จะส่งผลเสียอะไรบ้าง ?
การละเลยข้อห้ามหลังฉีดวิตามินผิว เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนดึก ไม่บำรุงผิว หรือไม่ทาครีมกันแดด มักส่งผลเสียในเรื่องของผลลัพธ์ไม่ตรงกับความต้องการ ฉีดแล้วไม่เห็นผล ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนครั้งในการทำครับ
รวมทุกข้อควรทราบ และการปฏิบัติตัวหลังฉีดวิตามินผิว
แนวทางการดูแลตัวเองหลังฉีดวิตามินผิวก็เป็นอีกข้อควรทราบครับ เพราะช่วยให้เห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน ซึ่งหมอจะเน้นไปที่วิธีดูแลตัวเองในกรณีเกิดผลข้างเคียง และการดูแลผิวแบบพื้นฐานครับ เช่น
- เลี่ยงการนวดผิวบริเวณที่ทำทันที ไม่ควรเช็ดถูหรือเกาบริเวณที่ฉีด
- หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
- หากอาการบวมแดงเกิดขึ้นมากกว่า 1-2 วัน ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามอาการ
- ควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมาก ๆ เพราะจะช่วยบำรุงผิวใสจากภายใน ขับสารพิษออกจากร่างกาย
- พยายามเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องออกแดดบ่อย ๆ ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และระบบร่างกายทำงานเป็นปกติ
สรุปความสำคัญของข้อห้ามหลังดริปวิตามิน
หากละเลยข้อห้ามหลังดริปวิตามิน ผลเสียที่เกิดขึ้น คือ ฉีดวิตามินผิวแล้วไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าที่ควรครับ คนไข้จึงควรงดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ หลังดริปผิว นอกจากนี้ก็ควร Drip Vitamin ต่อเนื่อง และทำหัตถการกับแพทย์และคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือร่วมด้วย เพื่อให้มีความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน