ฉีดโบท็อกลดกราม
ทำไมบางคนฉีดโบท็อกลดกรามแล้วไม่เห็นผล ? กรามไม่เล็ก หน้าไม่เรียว ?
ฉีดโบลดกราม เป็นการฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกรามให้เล็กลง ช่วยปรับรูปหน้าเรียว วีเชฟ โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนที่ฉีดแล้วไม่เห็นผล เพราะเข้าใจว่าปัญหากรามใหญ่ทั้งหมดแก้ได้ด้วยโบท็อก แต่ความจริงสาเหตุที่ทำให้กรามใหญ่ หน้าใหญ่ มีหลายปัจจัย ทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน ซึ่งโบท็อกไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมดครับ
เพื่อให้คนไข้เข้าใจว่าฉีด Botox กราม คืออะไร ? ช่วยลดกรามได้อย่างไร อันตรายไหม ใช้โบท็อกยี่ห้อไหน กี่ยูนิต ก่อน – หลังฉีดต้องรู้อะไรบ้าง กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ? หมอสรุปไว้ให้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ฉีดโบลดกราม
ฉีดโบท็อกลดกราม คือ ?
ฉีดโบท็อกลดกราม คือ วิธีลดขนาดกรามให้เล็กลงด้วยการฉีดโบท็อก หรือ Botulinum toxin type A (Botox) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium เมื่อฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม ทำให้กรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าจึงดูเล็กลง เป็นหนึ่งในเทคนิคการปรับรูปหน้าให้เรียว V Shape มากขึ้น
ในการเสริมความงามคนมักนึกถึงการฉีดโบท็อกเป็นอันดับแรก ๆ ครับ เพราะสามารถลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หากใช้ยาแท้ผ่าน อย. ก็ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์
ฉีดโบท็อกช่วยลดกรามได้อย่างไร ?
หมอจะอธิบายกระบวนการออกฤทธิ์ของโบท็อกก่อนครับ การฉีดโบท็อกหมอจะฉีดตัวยาเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ โดยตัวยาจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท และ ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม โบท็อกส่วนที่ไม่ถูกดูดซึมจะถูกพัดปลิวไปตามกระแสเลือด ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีด จะถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ
ส่วนสำคัญคือโบท็อกที่ถูกดูดซึมครับ
บริเวณกรามจะมีกล้ามเนื้อ Masseter muscle เป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวอาหาร หากเป็นคนที่เคี้ยวอาหารแข็ง ๆ เหนียว ๆ บ่อย ๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้นได้ เมื่อฉีดโบท็อกส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาท จะเข้าไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ทำงานจะมีขนาดเล็กลง จึงช่วยลดกรามได้ และหากตัวยามีความเข้มข้นสูงก็จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
และเนื่องจากโบท็อกเป็นสารที่ออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อ การฉีดโบลดกรามหน้าเรียวจึงจะเห็นผลในคนไข้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อเท่านั้น
หลายคนที่ฉีดโบลดกรามมาแล้วไม่เห็นผล มีเหตุผลมาจาก 2 ปัจจัย
- แก้ปัญหาไม่ตรงสาเหตุ : คนไข้เป็นคนกรามใหญ่เพราะโครงสร้างกระดูกใบหน้า หรือเพราะไขมันกระพุ้งแก้มมีปริมาณมาก การฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อจึงไม่ได้ช่วยอะไรครับ ถ้ากรามใหญ่จากกระดูก ต้องใช้การผ่าตัดเหลากราม ถ้ากรามใหญ่เพราะไขมัน ก็ต้องฉีดแฟตหรือดูดไขมันออก
- ใช้ตัวยาที่ไม่ได้คุณภาพ : การฉีดโบท็อกต้องมั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้ ผ่าน อย. เพราะหากเป็นโบท็อกปลอม โบท็อกหิ้ว โบท็อกที่ผสมน้ำเกลือมากเกินไป ฉีดแล้วจะไม่เห็นผล และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น ปากเบี้ยว มุมปากตก
ก่อนฉีดโบท็อก นอกจากเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ยาแท้ ต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพื่อความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังครับ
รีวิวฉีดโบลดกราม
รีวิวฉีดโบลดกราม หลังฉีดจะไม่ได้เห็นผลทันที ต้องรอให้ตัวยาค่อย ๆ ออกฤทธิ์ โดยจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์
รีวิวฉีดโบลดกรามในผู้ชาย
โครงสร้างใบหน้าปกติผู้ชายจะมีกรามใหญ่กว่าผู้หญิงครับ สำหรับผู้ชายหากต้องการปรับรูปหน้าด้วยการฉีดโบลดกรามจะไม่ได้อยากให้หน้าเล็กลงมาก แต่อยากเพิ่มความคมชัดของกรอบหน้ามากกว่า สามารถฉีดโบลดกราม คู่กับ โบท็อกลิฟกรอบหน้า (Nefertiti lift) ช่วยให้แนวกรามคมขึ้นได้
ฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะกับใคร ?
การฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก วีเชฟ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ต้องการใช้หน้าเร็ว ๆ เพราะไม่มีเวลาพักฟื้น สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อก คือในกลุ่มที่มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก หรือมีโรคประจำตัว ดังนี้
- มีปัญหาเรื่อง โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง อาจจะอันตรายถึงชีวิต
- มีปัญหาเรื่อง กล้ามเนื้อในการกลืน
- เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ เช่น amyotrophic lateral sclerosis (ALS), Lou Gehrig’s disease, myasthenia gravis, Lambert-Eaton syndrome
- มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ก่อนฉีดโบลดกราม ควรแจ้งข้อมูลที่สำคัญกับแพทย์ก่อนทุกครั้ง เช่น เคยมีผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกครั้งก่อน ๆ มีภาวะเลือดหยุดยาก เขียวช้ำง่าย เคยผ่าตัดที่ใบหน้า หรือทำหัตถการอื่น ๆ กับใบหน้ามาก่อน อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ฉีดโบท็อกลดกราม กับการผ่าตัดเหลากราม แตกต่างกันอย่างไร ?
อย่างที่หมออธิบายไปว่าปัญหากรามใหญ่ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน ต้องเลือกวิธีแก้ไขให้เหมาะกับแต่ละคนครับ สำหรับผู้ที่กรามใหญ่เพราะกระดูกกรามใหญ่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก วีเชฟ ต้องใช้วิธีการผ่าตัดเหลากราม เพราะฉีดโบลดกรามไม่ได้ผล
การผ่าตัดเหลากราม ช่วยแก้ปัญหาหน้าเหลี่ยม หน้าใหญ่ โดยหมอจะตัดแต่งมุมกระดูกกรามที่เป็นเหลี่ยมหรือยื่นออกมาให้เล็กลง ในบางกรณีอาจมีการตัดแต่งกล้ามเนื้อร่วมด้วยในเคสที่มีกล้ามเนื้อบดเคี้ยวใหญ่และหนากว่าปกติครับ
ข้อดีคือผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร แต่ข้อเสียคือมีความเสี่ยงที่การผ่าตัดจะกระทบกระเทือนเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปาก มีรอยแผล ต้องใช้เวลาในการพักฟิ้นจนกว่าแผลจะหายดี และต้องดูแลความสะอาดของแผลเป็นพิเศษ
สรุปคือ
- ฉีดโบลดกราม เหมาะกับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ หลังฉีดกรามไม่ต้องพักฟื้น กรามยุบเต็มที่ใช้เวลา ประมาณ 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-5 เดือน
- การผ่าตัดเหลากราม เหมาะกับคนที่กระดูกกรามใหญ่ ต้องดูแลความสะอาดในช่องปากเป็นพิเศษ และกินยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างต่อเนื่อง หลังผ่าตัดพักฟื้นประมาณ 6-12 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร
ฉีดโบลดกรามเจ็บไหม ?
โดยปกติก่อนฉีดโบลดกราม จะมีการแปะยาชาให้ก่อนครับ หลัง 30 นาที ยาชาจะออกฤทธิ์ ทำให้ไม่เจ็บตอนฉีด แต่ความเจ็บของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอาจจะรู้สึกตึง ๆ ระหว่างฉีดได้ เป็นเรื่องปกติครับ
ฉีดโบลดกรามอันตรายไหม ?
ฉีดโบลดกราม หากฉีดด้วยโบท็อกแท้ ผ่านอย. ตรวจสอบได้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ไม่เป็นอันตรายครับ
แต่ด้วยปัจจุบันที่ธุรกิจความงามมีการเติบโตขึ้น มีคลินิกใหม่ ๆ เปิดเพิ่มขึ้น อาจเป็นช่องทางให้คลินิกเถื่อน หรือหมอกระเป๋า แฝงตัวเข้ามาหาผลประโยชน์ โดยไม่มีความรู้ในการฉีด ใช้ยาปลอม ยาหิ้ว ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย ทำให้ฉีดแล้วไม่ได้ผล หรือเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายตามมา เช่น หนังตาตก ตาปิด หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว และทำให้ดื้อโบท็อก (อาการดื้อโบท็อกปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาได้)
ฉีดโบลดกรามหน้าเรียว มั่นใจว่ายาแท้ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ทำไมมีอาการปากเบี้ยว ?
อีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การฉีดกรามได้ผลดี ไม่มีผลข้างเคียง คือประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์ที่เป็นผู้ฉีดครับ หากฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง ใช้ปริมาณยาไม่เหมาะสม หรือมีเหตุทำให้ตัวยากระจายไปเกาะบริเวณกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ ก็จะทำให้มีผลข้างเคียงเช่น ปากเบี้ยว มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น ยิ้มไม่สุด
การฉีดโบท็อกลดกราม ต้องพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกตัวยา เนื่องจากโบท็อกแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่น มีความเข้มข้นและการกระจายตัวยาต่างกัน หมอที่มีประสบการณ์จะชำนาญในการเลือกยี่ห้อและประเมินจุดที่ฉีดได้อย่างถูกต้อง ทำให้ตัวยาเข้าสู่กล้ามเนื้อมัดที่ต้องการ ไม่กระจายไปโดนกล้ามเนื้อที่ไม่เกี่ยวข้องครับ
ฉีดโบลดกรามกี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบลดกราม เริ่มเห็นผลประมาณ 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อกรามจะนิ่มลง กัดกรามแล้วไม่เด้ง และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
ฉีดโบท็อกลดกรามอยู่ได้นานไหม อยู่ได้กี่เดือน ?
อายุของโบท็อกกรามจะอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ ปริมาณยา เทคนิคการฉีด และการดูแลตัวเองของคนไข้ร่วมด้วย หากคนไข้เป็นคนชอบเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ บ่อย ๆ กล้ามเนื้อกรามก็จะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานเร็วขึ้น กรามเด้งคืนมาเร็วขึ้นครับ
ฉีดโบลดกรามต้องใช้กี่ยูนิต ?
เนื่องจากกล้ามเนื้อกรามมีความหนากว่าจุดอื่น ๆ การฉีดโบลดกรามจึงต้องใช้โบท็อกประมาณ 50-100 ยูนิต หรือมากกว่านั้น หมอจะประเมินจำนวนยูนิตให้เหมาะสมกับแต่ละเคสครับ ในเคสที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะมาก ก็สามารถฉีดได้ถึง 200 ยูนิต
ฉีดโบลดกรามยี่ห้อไหนดี ?
โบท็อกลดกราม ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม คือโบท็อกอเมริกาและโบท็อกเกาหลีครับ สำหรับตัวยาจะแตกต่างกันที่กรรมวิธีทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิด protein complex, ขนาดของ molecule complex, ความคงทนในการเก็บรักษา และขนาดของ molecule complex size ซึ่งทำให้ราคาของโบท็อกแต่ละยี่ห้อต่างกันด้วย
- โบท็อกอเมริกา Allergan เป็นบริษัท original ของ โบท็อก มีงานวิจัยรับรองยาวนานที่สุด ยากระจายตัวแคบ แม่นยำ โอกาสดื้อโบท็อกน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับโบท็อกยี่ห้ออื่น แต่ก็มีราคาสูง
- โบท็อกเกาหลี Nabota ข้อดีคือออกฤทธิ์ไว และเห็นผลเร็วกว่ายี่ห้ออื่นเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการผลโบท็อกแบบเร่งด่วน เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจากอเมริกา (US.FDA)
- โบท็อกเกาหลี Aestox พยายามพัฒนาให้เหมือน Allergan ออกฤทธิ์ไว ระยะเวลาอยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย แต่ราคาถูกกว่า
นอกจากนี้ยังมีโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ เช่น โบท็อกเยอรมัน (Xeomin) ที่เหมาะฉีดในเคสดื้อโบท็อกที่หยุดฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี และโบท็อกอังกฤษ (Dysport) การกระจายตัวยากว้าง เหมาะฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง
ก่อนฉีดหมอจะประเมินปัญหา ขนาดกล้ามเนื้อกราม และแนะนำข้อดีของโบท็อกแต่ละยี่ห้อที่เหมาะสมกับคนไข้ สามารถเลือกได้ตามงบประมาณของแต่ละคนครับ
ฉีดโบลดกราม ราคา
ฉีดโบลดกราม ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณยูนิตที่ใช้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนครับ สำหรับที่ V Square Clinic ใช้โบท็อกแท้ สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6,999.- / 100 ยูนิต ก่อนฉีดโบลดกราม หมอจะแกะกล่องใหม่ ผสมยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจ สามารถนำกล่องและขวดกลับบ้านได้ครับ
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกกราม
- หลังฉีดโบท็อกกราม ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง (เคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อก 30 นาทีแรก ช่วยกระจายตัวยาและทำให้โบท็อกถูกดูดซึมได้ดี)
- หลังฉีดโบท็อก 48 ชม. หากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อนได้ จะได้รับผลโบท็อก 90 % และหากครบ 14 วัน ก็จะได้รับผลโบท็อก 100%
- ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ถี่เกินไป (ระยะเวลา 3 เดือน) และไม่ควรเว้นระยะห่างเกินไป (เกิน 5-6 เดือน)
- มีงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุสังกะสี (แต่ไม่ควรเกิน 20 mg ต่อวัน) ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น
ข้อห้าม และข้อควรระวังก่อน – หลังฉีดโบท็อกลดกราม
ข้อห้ามและข้อควรระวัง ก่อนฉีดโบท็อก
- แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ทานประจำให้แพทย์ทราบก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดกรามทุกครั้ง
- ยาที่ได้รับพร้อมกับโบท็อกแล้วเกิดอันตรายมาก (Major side effect) ได้แก่
- กลุ่มยาฆ่าเชื้อแบบฉีด บางตัวสามารถเสริมฤทธิ์โบท็อกแล้วเกิดอันตรายได้ เช่น amikacin, colistin, polymyxin E, gentamicin, kanamycin, neomycin, netilmicin, plazomicin, polymyxin B, spectinomycin, streptomycin, tobramycin
- กลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ atracurium, cisatracuirum, doxacurium, metocurine, mivacurium, pancuronium, pipecuronium, rapacuronium, rocuronium, succinylcholine, tubocurarine, vecuronium
- กลุ่มยาที่ใช้ร่วมกับโบท็อกแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงแบบปานกลาง ได้แก่ กลุ่มยาแก้แพ้ แก้หวัด, กลุ่มยานอนหลับ, กลุ่มยาต้านเกร็ดเลือด อาจทำให้เกิดอาการตาพร่า ปากแห้ง รอยช้ำ
ข้อห้ามและข้อควรระวัง หลังฉีดโบท็อก
- ควรงดนอนราบ 3 ชม. เพราะอาจทำให้ตัวยาไหลไปเกาะบริเวณที่ไม่ต้องการได้
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เพราะปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น ได้แก่ ความร้อน และการไหลเวียนของเลือด (Metabolism)
- ไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ อาหารหมักดองและงดสูบบุหรี่
- หลังฉีดโบท็อกไป ในระยะ 4 เดือน ถ้าจะรับยาอื่น ๆ เพิ่มต้องแจ้งแพทย์ที่จะจ่ายยาด้วยว่าเพิ่งฉีดโบท็อกมา
ฉีดโบลดกรามที่ไหนดี ?
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก่อนฉีดโบลดกราม คือเรื่องของความปลอดภัยครับ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกเป็นคลินิกที่เปิดอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ใช้โบท็อกแท้ ตรวจสอบได้ และแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิก เป็นแพทย์ที่ผ่านการรับรองจากแพทย์สภา โดยสามารถเอาชื่อ-นามสกุล เข้าไปตรวจในเว็บไซต์ https://www.tmc.or.th/check_md/
ทำไมจึงควรฉีดโบท็อกลดกราม ที่ V Square Clinic
- คลินิกได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เดินทางสะดวก ทำเลที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า และอาคารพาณิชย์
- แพทย์มีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้าอย่างยาวนาน สั่งสมประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกโดยเฉพาะ
- แพทย์ทุกคนมีการเทรนนิ่ง อัปเดตความรู้เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี ทำให้มั่นใจว่าเทคนิคการฉีดที่ใช้ เป็นเทคนิคใหม่ที่มีประสิทธิภาพ
- คัดสรรโบท็อกแบรนด์ที่ได้มาตรฐานระดับโลกเข้ามาให้บริการ เพื่อให้สามารถเลือกใช้โบท็อกที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคนได้
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงหลักหมื่นเคส ทั้งรูปภาพและวิดีโอ
- ได้รับรางวัลระดับประเทศและระดับเอเชีย การันตีเรื่องผลลัพธ์และคุณภาพของคลินิก
โปรโมชั่นฉีดโบลดกราม
V Square Clinic โปรโมชั่นฉีดโบลดกราม ราคาต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ หมอจะแนะนำตามความเหมาะสมกับแต่ละคนครับ
Q&A ฉีดโบลดกราม
ฉีดโบลดกรามกินเหล้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม ?
แนะนำให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เกิดอาการบวม ช้ำจากรอยเข็มหลังฉีดได้ง่าย และรบกวนการกระจายตัวของโบท็อก ควรงดแอลกอฮอล์ประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์เต็มที่
ฉีดโบลดกราม ทำให้ยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด จริงไหม ?
ฉีดโบลดกรามแล้วมีอาการยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด เพราะฉีดโบท็อกไปโดนกล้ามเนื้อไรซอเรียส (risorius) ซึ่งทำหน้าที่ดึงมุมปากเวลายิ้ม เกิดจาก
- ฉีดโบผิดตำแหน่ง ซึ่งหมอที่มีประสบการณ์ทุกคนจะพยายามระวังในจุดนี้
- กล้ามเนื้อ Risorius ของคนไข้เกาะต่ำกว่าปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป พบได้ 1-2%
- กล้ามเนื้อกรามของคนไข้ใหญ่มาก ใช้ยูนิตเยอะ ยาจึงแพร่กระจายกว้าง สามารถป้องกันได้ด้วยการทยอยฉีดโบท็อก (ถ้ากล้ามเนื้อกรามใหญ่มากไม่ควรฉีดให้ยุบหมดในครั้งเดียวควรแบ่งฉีด 2 ครั้งห่างกัน 2-3 เดือน)
- ใช้โบท็อกปลอม ยาจึงกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
การยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด หลังฉีดโบลดกรามจะเป็นแค่ชั่วคราว หายได้เองในระยะเวลา 1-2 เดือน สามารถประคบร้อนบริเวณแก้ม หรือใช้เครื่อง RF (Radio Frequency) ก็จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
ทำไมฉีดโบกรามแล้วเหนียงเยอะขึ้น
เมื่อฉีดโบลดกรามอย่างเดียว กรามจะยุบลงทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หนังตรงคอเยอะขึ้น ดูหน้าห้อย ในบางเคสหมอจะแนะนำให้ฉีดโบลดกรามคู่กับโบลิฟกรอบหน้า ผิวจะกระชับพอดี ไม่หย่อนลงครับ และหากฉีดด้วยเทคนิค Nefertiti lift จะช่วยลดเหนียงได้ด้วย
ฉีดโบลดกรามแล้วปากเบี้ยว เกิดจากอะไร ?
ฉีดโบลดกรามแล้วปากเบี้ยว เกิดจากฉีดโบท็อกไปโดนกล้ามเนื้อ Risorius หรือ Zygomatic ซึ่งทำหน้าที่ในการขยับมุมปาก เมื่อโบท็อกออกฤทธิ์จะลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ปากทั้งสองข้างจึงเบี้ยวและไม่สมมาตรกันครับ
สรุป
ฉีด Botox กราม เป็นวิธีปรับรูปหน้าเรียวที่เหมาะกับคนไทยครับ เพราะส่วนใหญ่จะมีปัญหากรามใหญ่ หน้าใหญ่ จากขนาดกล้ามเนื้อกราม เมื่อฉีดโบท็อกแล้วทำให้กรามเล็กลง หน้าเรียวขึ้น และสามารถใช้เทคนิคการฉีดโบท็อกลิฟหน้า เพื่อทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น คมขึ้น
ทั้งนี้การฉีดโบลดกรามให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายตามมา ต้องฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ยาแท้ผ่าน อย. ก่อนฉีดคนไข้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยครับ