Thermage กับ Ulthera
ปัจจุบัน Thermage กับ Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวมีให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อและมีเทคโนโลยีการยกกระชับที่แตกต่างกัน แต่เครื่อง Thermage FLX และเครื่อง Ulthera เป็น 2 เครื่องมือยกกระชับที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะเป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในประเทศไทยและทั่วโลก เป็นเครื่อง original ที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด มีเคสมากที่สุดและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องครับ
แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่า Thermage กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร ? เลือกแบบไหนดี ? พิจารณาอะไรบ้าง ? หมอจะมาตอบอย่างละเอียดให้ในบทความนี้ รวมถึงอธิบายเชิงลึก ว่า Thermage กับ Ulthera มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไร ? ทำควบคู่กันได้ไหม อันไหนเจ็บกว่ากัน ? เลือกทำที่ไหนดี ? ราคาเท่าไหร่ ? ใครที่กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจเลือกระหว่าง Thermage VS Ulthera แนะนำอ่านบทความนี้ได้เลยครับ
สารบัญ Thermage กับ Ulthera
Thermage กับ Ulthera
Thermage และ Ulthera เป็นวิธีการยกกระชับแบบ Non-Invasive Skin Tightening & Lifting Treatment คือไม่มีการผ่าตัด ไม่มีการใช้เข็ม หรือสอดเครื่องมือใด ๆ ลงชั้นผิวครับ แต่จะใช้คลื่นพลังงานส่งลงไปใต้ชั้นผิว จากนั้นพลังงานจะเปลี่ยนเป็นความร้อนช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินขึ้นมาใหม่ ผิวจึงเกิดการหดตัว ยกกระชับแน่นขึ้น และผิวดูสุขภาพดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปครับ
ความแตกต่างของ Thermage และ Ulthera คือมีหลักการทำงานและใช้คลื่นพลังงานที่แตกต่างกันครับ ทำให้มีข้อดีคนละจุด ก่อนที่จะทราบรายละเอียดของหลักการทำงานของเครื่อง หมออยากให้เข้าใจเรื่องชั้นผิวของมนุษย์ก่อนครับ
ชั้นผิว กับนวัตกรรมยกกระชับ
ชั้นผิวมนุษย์
ในทางการแพทย์ โครงสร้างใบหน้าจะแบ่งได้เป็น 5 ชั้น ได้แก่
- ชั้นผิวหนัง (Skin)
- ชั้นผิวหนังเป็นโครงสร้างที่อยู่ด้านนอกสุด แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นผิวที่อยู่ภายนอกสุด ความหนาประมาณ 0.05-0.1 mm เป็นส่วนที่เซลล์มีการแบ่งตัวและผลัดเซลล์ผิวตลอดเวลา หากมีบาดแผลที่ชั้นผิวนี้จะมีการแบ่งเซลล์มาทดแทนและไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ในส่วนชั้นนอกสุดของชั้นหนังกำพร้า จะประกอบไปด้วยน้ำและ Lipid ช่วยให้ผิวอ่อนนุ่ม ให้ความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากสารพิษหรือแบคทีเรียได้ครับ
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นส่วนที่อยู่ถัดลงมาจากผิวชั้นหนังกำพร้า ที่ความลึก 0.6-3 mm เป็นส่วนที่มี Collagen, Elastin และ Hyaluronic acid ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง กักเก็บน้ำให้ความชุ่มชื้น และชั้นหนังแท้ยังเป็นที่อยู่ของรากขน รากผม เส้นเลือด เส้นประสาท และต่อมไขมันอีกด้วยครับ
- ชั้นไขมัน (Subcutis, Subcutaneous fat layer)
ชั้นไขมันเป็นชั้นผิวที่อยู่ถัดลงมาจากชั้นหนังแท้ อยู่ที่ความลึก 1-5 mm โดยเฉพาะแก้มและเหนียงจะมีชั้นไขมันหนามากกว่าจุดอื่น ๆ เป็นชั้นที่ประกอบไปด้วยโปรตีนและหลอดเลือด มีความอ่อนนุ่ม ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานและปกป้องอวัยวะภายใน
- ชั้นกล้ามเนื้อและแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด (Musculo-aponeurotic)
เป็นส่วนที่อยู่ถัดมาจากชั้นไขมัน ที่ความลึก 3-5 mm ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เป็นที่อยู่ของกล้ามเนื้อที่ใช้แสดงสีหน้า ควบคุมการทำงานของการเคลื่อนไหวบนใบหน้า (Mimetic Muscles หรือ Muscles of facial expression)
ด้านบนสุดของชั้นกล้ามเนื้อนี้ จะมีแผ่นคอลลาเจนรวมกันเป็นพังผืดเหนียว ๆ ที่เรียกว่า SMAS (Superfical Musculo Aponeurotic System) เป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อดึงหน้าให้ตึง ดูกระชับขึ้นครับ
- ชั้นเส้นเอ็น ไขมันชั้นลึก (Retaining ligaments and space)
เป็นชั้นที่มีเส้นเอ็นทำหน้าที่ยึดเนื้อเยื่ออ่อนของใบหน้าเข้ากับโครงสร้างใบหน้า ช่วยตรึงใบหน้าให้กระชับ และเป็นส่วนที่มีไขมันชั้นลึกและช่องว่างเพื่อลดการเสียดสี เมื่ออายุมากขึ้นไขมันชั้นลึกนี้จะเริ่มลดน้อยทำให้ใบหน้าดูยุบตัวลง เส้นเอ็นหย่อนลง จึงทำให้เห็นความหย่อนคล้อยนั่นเองครับ
- ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกและชั้นกระดูก (Periosteum and deep fascia)
ชั้นที่ปกคลุมกระดูกเรียกว่าชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ทำหน้าที่ลดแรงกระแทกหรือกดทับกระดูกที่เป็นเนื้อแข็ง และชั้นกระดูก ที่เป็นตัวกำหนดรูปหน้า กระดูกสามารถบางลงได้เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตาลึก เห็นเป็นร่องใต้ตา ตาโหล หน้าตอบ ดูโทรม เห็นความแก่ชราชัดเจนครับ
หัตถการยกกระชับผิว
ในประวัติศาสตร์การยกกระชับผิว ยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย มีมาตั้งแต่สมัยโบราณเมื่อ 100 กว่าปีก่อนแล้วครับ ในช่วงแรก ๆ จะเป็นการผ่าตัดดึงชั้นผิวหนังเท่านั้น (Skin-only Facelift) เนื่องจากยังมีความรู้ทางด้านการแพทย์และกายวิภาคไม่มากพอ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่แน่นอน กลับมาหย่อนคล้อยได้ไว
หลังจากที่วงการศัลยกรรมได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง องค์ความรู้มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้แพทย์ได้พบว่าต้นเหตุแห่งความหย่อนคล้อยเกิดจากทุกชั้นของโครงสร้างใบหน้า จึงได้มีเทคนิคการดึงหน้าแบบ full facelift เป็นการผ่าตัดดึงหน้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกระดูกและเปิดแผลกว้าง เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่ข้อเสียคือทำให้เกิดการบวมช้ำนาน และถ้าดึงเยอะเกินไปจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อบนใบหน้า ขยับใบหน้าไม่ได้ จึงดูไม่เป็นธรรมชาติครับ
มาถึงช่วงยุคหลังประมาณ ค.ศ.1980-2000 ได้มีการค้นพบเทคนิคการดึงหน้าแบบใหม่ โดยจะดึงเฉพาะชั้นกล้ามเนื้อใต้ไขมัน หรือที่เรียกว่าชั้น SMAS เท่านั้น แต่สามารถที่จะทำให้เกือบทุกส่วนดึงขึ้นพร้อมกันได้ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เปิดแผลเล็กลง เหมาะกับคนที่มีความหย่อนคล้อยเยอะครับ แต่ข้อเสียของการผ่าตัดชั้น SMAS คือมีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผ่าตัดโดนเส้นประสาท ต่อมน้ำลายได้รับความเสียหาย การเกิดภาวะเลือดออกและห้อเลือด ภาวะน้ำเหลืองคั่ง ผมร่วง ผิวไม่เรียบ เป็นต้น ซึ่งผู้เข้ารับบริการต้องรับทราบความเสี่ยงเหล่านี้ก่อนทำการผ่าตัดทุกครั้งครับ
ไม่กี่ปีถัดมา ในปี ค.ศ. 2002 ได้มีการนำคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เข้ามาใช้ในการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นครั้งแรกของโลก พลังงานที่ใช้เป็นคลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF พัฒนาโดยบริษัท Thermage, Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถยิงพลังงานครอบคลุมผิวชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน โดยส่งพลังงานแบบคอลัมน์ (Column) ในครั้งเดียว ทำให้เกิดการดึงน้ำออกจากเซลล์ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเกิดการหดรัดตัวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้นในที่สุดครับ
และในปี 2004 บริษัท Ulthera, Inc. ได้มีการนำคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความจำเพาะเจาะจง (Micro Focused ultrasound) มาใช้ในการยกกระชับและลดริ้วรอย เรียกว่าเครื่อง Ulthera (อัลเทอร่า) โดยเครื่องจะส่งพลังงานแบบจุดเรียงกันเป็นเส้นที่ระดับความลึกต่าง ๆ และสามารถส่งพลังงานไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงใบหน้าได้ ทำให้ชั้น SMAS เกิดการหดรัดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้เกิดการยกกระชับขึ้นครับ
Thermage กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร ?
การทำงานของ Thermage
ในชั้นผิวหนังของมนุษย์ จะมีส่วนประกอบหลักคือ คอลลาเจน (Collagen) และ อิลาสติน (Elastin) ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็เริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงเพราะระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น แสดงออกมาเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อยในที่สุดครับ
เครื่อง Thermage เป็นเครื่องที่ส่งคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ผ่านหัว Cooling tip เข้าไปยังชั้นผิวได้ลึกถึงชั้นไขมันที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน และเกิดเป็นความร้อนใต้ชั้นผิว
ความร้อนที่เข้าไปแยกโมเลกุลน้ำออกจากเนื้อเยื่อ คอลลาเจนเกิดการหดรัดตัวอย่างรวดเร็ว หลังทำ Thermage จึงรู้สึกได้ว่าผิวแน่น กระชับขึ้น ประมาณ 20-30% ทันที
นอกจากนี้ ความร้อนยังมีผลทำลายคอลลาเจนบางส่วน กระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองโดยสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยจะสร้างคอลลาเจนได้สูงสุดเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน ใบหน้าดูยกกระชับ ผิวเฟิร์มขึ้น และคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 ปีครับ
การทำงานของ Ulthera
Ulthera (อัลเทอร่า) เป็นนวัตกรรมการรักษาแบบ Non-Invasive Skin Tightening & Lifting Treatment ที่พัฒนามาเพื่อช่วยยกกระชับ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความจำเพาะเจาะจง (Micro Focused ultrasound) ส่งเข้าไปยังชั้นผิวในระดับต่าง ๆ จนถึงชั้น SMAS เพื่อช่วยยกกระชับผิว แก้ม เหนียง และลดริ้วรอยบนใบหน้า
โดยหลักการทำงานของเครื่อง จะส่งคลื่นเสียงเป็นจุดพลังงาน ขนาด 1 mm เรียงกันเป็นเส้นตรง 25-30 จุด ลงไปยังใต้ผิวที่ระดับความลึก 1.5 mm, 3 mm และ 4.5 mm ตามหัวยิงที่เลือกใช้ จากนั้นจะเกิดเป็นความร้อนประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส ทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัวทันทีและมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เซลล์ผิวแน่นขึ้น จึงเห็นว่าใบหน้าจุดที่ทำดูยกกระชับขึ้นหลังทำและเมื่อคอลลาเจนมีการสร้างเต็มที่ก็จะเห็นว่ายกกระชับขึ้นอีกภายใน 2-3 เดือนครับ
Thermage VS Ulthera มีข้อดี – ข้อเสีย อะไรบ้าง ?
ข้อดี – ข้อเสีย ของ Thermage
ข้อดีของการทำ Thermage
- ช่วยให้ผิวยกกระชับ ชั้นผิวหดตัวลง ผิวชั้นไขมันลดลงได้ทันทีหลังทำประมาณ 20-30% เหมาะกับคนที่มีไขมันพอสมควร
- การยิงพลังงาน 1 ครั้ง (1 shot) จะครอบคลุมชั้นผิวตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า จนถึงชั้นไขมัน ใช้จำนวน shot น้อยกว่าการทำ Ulthera
- มีหัวยิงสำหรับทำรอบดวงตา
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
- ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA สหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยสูง
- เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีรอยแผล ไม่มีรอยเข็ม
- ทำ 1 ครั้ง จะคงผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1-2 ปี
ข้อเสียการทำ Thermage
- รู้สึกถึงความเจ็บขณะทำ แต่ยังอยู่ในระดับที่ทนได้
- ราคาสูงเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องยกกระชับแบบอื่น
- อาจพบรอยแดงหลังทำได้เป็นปกติ สามารถหายได้เองภายใน 1 ชั่วโมง
- เมื่อสัมผัสบริเวณที่ทำอาจพบอาการบวมหรือระบม 1-2 สัปดาห์แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคนครับ
ข้อดี – ข้อเสีย ของ Ulthera
ข้อดีของการทำ Ulthera
- สามารถยกกระชับได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำทันทีประมาณ 30% เหมาะกับคนที่มีไขมันไม่มากแต่มีความหย่อนคล้อย ต้องการดูแลผิวให้
- มีหัวยิงให้เลือกใช้หลายระดับ สามารถเลือกใช้หัวยิงให้ตรงตามสภาพผิวและปัญหาที่คนไข้กังวลได้
- หัวยิงพลังงาน สามารถส่งพลังงานได้ถึงชั้น SMAS ที่เป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า จึงโดดเด่นเรื่องการยกกระชับ
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
- ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA สหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยสูง
- เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 30% ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีรอยแผล ไม่มีรอยเข็ม
- ทำ 1 ครั้ง จะคงผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี
ข้อเสียการทำ Ulthera
- ขณะทำจะค่อนข้างเจ็บ แต่ยังอยู่ในระดับที่ทนได้
- อาจมีรอยแดงหลังทำในบางเคส ซึ่งเกิดได้ตามปกติ สามารถหายได้เองภายใน 1 ชั่วโมง
- เมื่อสัมผัสบริเวณที่ทำอาจพบอาการบวมหรือระบม 1-2 สัปดาห์แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคนครับ
Thermage กับ Ulthera เหมาะกับใครบ้าง ?
Thermage เหมาะกับใคร ?
- เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ ยิ้มแล้วมีความรู้สึกหน้าอูม ๆ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับขึ้น
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณแก้ม ใต้คาง เหนียง หรือไขมันกองในบริเวณคาง
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย บริเวณใบหน้า คอ หน้าท้อง ต้นแขน หลังมือ มีรอยย่นมาก ๆ ขาดคอลลาเจน
- เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับรอบดวงตา ยกกระชับเปลือกตา มีปัญหาตาตก
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาเซลลูไลท์บริเวณต้นขาและก้น ต้องการปรับผิวให้เรียบเนียน
- เหมาะกับที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวกระชับ ดูผิวใสอ่อนวัยขึ้น
- เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดต้องการยกกระชับหน้าท้องที่หย่อนคล้อย ผู้ที่ต้องการยกกระชับหลังลดน้ำหนัก
- เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัด คนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
Ulthera เหมาะกับใคร ?
- เหมาะกับคนที่มีต้องการยกกระชับ แก้ม เหนียง ที่มีความหย่อนคล้อย มีไขมันไม่มากแต่มีความหย่อนคล้อย
- เหมาะกับคนที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วหน้า โดยไม่ต้องการให้ตึงมากเหมือนการฉีดโบท็อก
- เหมาะกับคนที่เคยเติมฟิลเลอร์บริเวณริ้วรอยร่องลึก และอยากเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ เพิ่มความกระชับ
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า เห็นแนวกราม ลดเหนียง
- เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิว แก้รูขุมขนกว้าง เพิ่มความเรียบเนียน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ผิวแน่น เฟิร์ม กระชับ
- เหมาะกับคนที่มีเวลาไม่มาก ไม่มีเวลาดูแลผิวหรือเข้าคลินิกความงามบ่อย ๆ เพราะทำ Ulthera 1 ครั้ง อยู่ได้ถึง 1 ปี
รีวิว Thermage กับ Ulthera ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร ?
ด้วยหลักการทำงานของเครื่อง Thermage และ Ulthera ที่มีการส่งพลังงานที่แตกต่างกัน จึงเหมาะกับคนที่มีรูปหน้าแตกต่างกัน โดย Thermage จะช่วยในเรื่องการลดไขมันได้ดี เหมาะกับคนที่มีแก้ม เหนียง ต้องการปรับหน้าเรียว ส่วน Ulthera จะเน้นเรื่องการยกกระชับ เหมาะกับคนที่มีไขมันไม่เยอะ แต่ต้องการเก็บรายละเอียด ยกกระชับให้หน้าดูอ่อนกว่าวัยครับ
Thermage รีวิว
Ulthera รีวิว
ทำ Thermage กับ Ulthera เจ็บเหมือนกันไหม ?
ทั้ง Ulthera และ Thermage เจ็บครับ จากประสบการณ์ทำจะรู้สึกว่า Thermage จะเจ็บกว่าเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นกับความทนเจ็บของแต่ละบุคคลด้วยครับ บางคนทนได้มาก บางคนทนได้น้อย แต่ก็เป็นระดับความร้อนที่ทุกคนทนได้ สามารถทายาชาที่ผิวก่อนทำเพื่อบรรเทาความเจ็บได้ครับ
สำหรับเครื่อง Thermage จะเป็นการส่งพลังงานเป็นก้อนจึงรู้สึกเจ็บได้มากกว่า แต่บริษัทผู้ผลิตก็ได้เพิ่มระบบ Cooling effect มาในเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด ระบบนี้จะช่วยปล่อยความเย็นขณะทำ เพื่อป้องกันผิวไหม้ เพิ่มความผ่อนคลายให้กับผิว และทำให้เจ็บน้อยลงได้ครับ
อ่านเพิ่มเติม : Thermage เจ็บไหม ?
อ่านเพิ่มเติม : Ulthera เจ็บไหม ?
ทำ Thermage กับ Ulthera หน้าบวมเหมือนกันไหม ?
หลังทำ Ulthera และ Thermage อาจพบอาการบวมแดงบริเวณผิวได้เช่นเดียวกันครับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบาง และอาจมีอาการระบมที่ผิวเมื่อสัมผัสได้ 1-2 สัปดาห์ครับ
อ่านเพิ่มเติม : ทำ Ulthera หน้าบวมไหม ? บวมกี่วัน ?
ทำ Thermage กับ Ulthera ร่วมกันได้ไหม ?
Thermage และ Ulthera สามารถทำควบคู่กันได้ครับ โดยหมอจะใช้ Ulthera ยิงพลังงานลงไปยังชั้น SMAS เพื่อยกกระชับผิวตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ จากนั้นใช้ Thermage ที่ส่งพลังงานได้ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้าจนถึงชั้นไขมัน เพื่อช่วยยกกระชับไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ผิวส่วนบน เมื่อทำควบคู่กันแล้วจึงเหมือนเป็นการช่วยยกกระชับในทุกโครงสร้างของผิว ผลที่ได้จึงออกมาดียิ่งขึ้นครับ
จุดเด่นของ Thermage FLX กับ Ulthera SPT
Thermage FLX
- จุดเด่นเรื่องจากยกกระชับในผู้ที่มีชั้นไขมันหนา มีแก้ม เหนียงเยอะ ช่วยเพิ่ม Skin quality
- เห็นผลหลังทำประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
- ใช้เวลาทำน้อยลง เพียงประมาณ 40-90 นาที
- มีระบบ Cooling effect และพลังงานสั่น (Multi-Directional Vibration) เพื่อป้องกันผิวไหม้และลดความเจ็บขณะทำ
- ครอบคลุมทุกชั้นผิวและชั้นไขมัน
- สามารถทำได้ทั้งหน้าและลำตัว
- ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก อย.ไทย และ US FDA
บทความแนะนำ
Ulthera SPT
- จุดเด่นในการยกกระชับถึงโครงสร้างชั้น SMAS ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า
- เห็นผลหลังทำ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- มีระบบแสดงหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงแบบ Real Time ทำให้ส่งพลังงานได้แม่นยำ
- มีหัวยิงให้เลือกใช้หลายระดับ ครอบคลุมทุกชั้นผิว
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี
- ยกกระชับ ลดสัดส่วน ได้ทั้งหน้าและตัว
- ไม่ต้องพักฟื้น ทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- การันตีเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA
บทความแนะนำ
Thermage VS Ulthera เลือกอันไหน พิจารณาอะไรบ้าง ?
Thermage กับ Ulthera เลือกอันไหนดี ? หมอแนะนำให้พิจารณาจากโครงสร้างใบหน้า ลักษณะชั้นผิว และความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นหลักครับ หากมีใบหน้าเรียวอยู่แล้ว ชั้นไขมันไม่มาก ต้องการยกกระชับให้ดูอ่อนวัยขึ้น หมอแนะนำให้ทำ Ulthera ครับ
แต่ถ้าเป็นคนมีแก้ม มีเหนียง ไขมันค่อนข้างเยอะ ต้องการปรับหน้าเรียวและเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว ทนความเจ็บได้สูง หมอแนะนำ Thermage จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ดีและอยู่ได้นานครับ
หากยังไม่มั่นใจว่าจะใช้ Thermage หรือ Ulthera ดี แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าและชั้นผิวอย่างละเอียด แพทย์จะสามารถแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุดให้ครับ
อ่านเพิ่มเติม : Ulthera VS Hifu VS Thermage
ทำ Thermage กับ Ulthera ที่ไหนดี ?
ก่อนตัดสินใจทำ Thermage และ Ulthera ที่ไหนดี ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน ใช้เครื่องของแท้ที่มีใบรับรองอย่างถูกต้อง และนอกจากเครื่องแท้ หมอแนะนำให้พิจารณาปัจจัยแวดล้อมดังต่อไปนี้ร่วมด้วยครับ
- เข้าพบแพทย์เพื่อฟังคำแนะนำก่อนรักษา : ก่อนเข้ารับบริการกับคลินิกใดก็ตามอย่าละเลยสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติข้อเท็จจริงของ Ulthera และ Thermage ให้เข้าใจ ทราบข้อมูลดูแลก่อน-หลัง รวมถึงข้อดี ข้อเสียต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ คลินิกที่มีมาตรฐานอย่างถูกต้องมักจะให้คำแนะนำได้ละเอียด ตรงไปตรงมาเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจที่สุดจนตัดสินใจเข้าใช้บริการ
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง : การตรวจเช็กรีวิวต่าง ๆ จากผู้ที่เคยเข้าใช้บริการ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างความมั่นใจ ยิ่งมีรีวิวมาก เท่ากับว่าหมอได้ทำการรักษาคนไข้มาหลายเคสจนเกิดความชำนาญ จึงช่วยลดข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ช่วยให้การตัดสินใจได้ว่าเมื่อเข้ามาใช้บริการแล้วจะได้รับความปลอดภัยไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังครับ
- ช่องทางการติดต่อ : ควรเลือกคลินิกที่ให้ช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน มีการตอบกลับในเวลาอันรวดเร็ว เช่น เบอร์โทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์อย่าง Line@ หรือ inbox Facebook หากมีข้อสงสัย หรือเหตุฉุกเฉินจะสามารถติดต่อได้ หรือทำนัดล่วงหน้าได้อย่างสะดวกสบาย
อ่านเพิ่มเติม : ทำ Thermage ที่ไหนดี ?
ทำ Thermage กับ Ulthera ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
ที่ V Square Clinic ใช้เครื่อง Ulthera แท้ที่ได้มาตรฐาน นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศไทย (อย.) และประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ครับ คนไข้สามารถเช็กคลินิกที่ใช้ เครื่อง Ulthera แท้ ได้ที่ www.merzclubthailand.com
ส่วนเครื่อง Thermage ก็เป็นเครื่องของแท้เช่นเดียวกันครับ โดยมีจุดตรวจสอบได้ตามนี้
- มีสติกเกอร์สัญลักษณ์เครื่องแท้ติดไว้ที่คลินิก สามารถมองเห็นได้ง่าย ชัดเจน
- มีโล่ตราสัญลักษณ์และประกาศนียบัตรที่ออกโดย SOLTA MEDICAL
- มีสติกเกอร์ของแท้ติดไว้ที่ด้านหน้าตัวเครื่อง
นอกจากเครื่อง Ulthera และ Thermage ที่เป็นของแท้แล้ว ที่ V Square Clinic ยังมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามาอย่างยาวนาน ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือของแท้ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล มั่นใจได้ว่าทุกท่านที่เข้ามาทำ Thermage Ulthera และบริการอื่น ๆ ของทางคลินิก จะได้รับความพึงพอใจที่สุดครับ
Thermage – Ulthera ราคาโปรโมชั่นที่ V Square Clinic
ราคาโปรโมชั่น Thermage FLX
- รอบดวงตา 450 shot 29,999.-
- แก้ม+เหนียง 450 shot 30,000.-
- ทั่วหน้า 900 shot 60,000.-
- ทั่วหน้า 1,800 shot 110,000.-
- ลำตัว 2,000 shot 90,000.-
หมายเหตุ
- ตำแหน่งทั่วหน้า 900 shot รับ Hifu Ultraformer III 200 line ฟรี
- ตำแหน่งทั่วหน้า 1,800 shot รับ Hifu Ultraformer III 400 line ฟรี
ราคาโปรโมชั่น Ulthera
- 200 line Ulthera SPT ราคา 19,999.- (รับฟรี HIfu Ultraformer III 60 Line)
- 300 line Ulthera SPT ราคา 29,999.- (รับฟรี HIfu Ultraformer III 90 Line)
- 500 line Ulthera SPT ราคา 49,999.- (รับฟรี HIfu Ultraformer III 150 Line)
- 700 line Ulthera SPT ราคา 69,999.- (รับฟรี HIfu Ultraformer III 210 Line)
- 1,000 line Ulthera SPT ราคา 99,999.- (รับฟรี HIfu Ultraformer III 300 Line)
สรุป
Thermage กับ Ulthera เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเรื่องการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งสองเครื่องมีหลักการการทำงานและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ในการเลือกใช้ เมื่อต้องการพิจารณาระหว่าง Thermage VS Ulthera หมอแนะนำว่าควรเข้ามาตรวจประเมินใบหน้าจริง เข้ารับการปรึกษาเพื่อให้หมอวางแผน และเลือกหัตถการที่เหมาะสมให้ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการและเหมาะสมกับราคาที่สุดครับ