ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีด เมโสหน้าใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา หน้าเป็นฝ้า กระ มีสิวและจุดด่างดำ หมั่นทาครีมบำรุงแต่ไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้า อยากได้วิธีแก้ปัญหาผิว บำรุงผิวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นทางลัดในการบำรุงผิวที่ตอบโจทย์ครับ เพราะเห็นผลลัพธ์เร็ว ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กระจ่างใสอย่างตรงจุดโดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาว
สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูล หมอสรุปเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ? ดีอย่างไร ? ช่วยอะไรบ้าง ? มีกี่แบบ ? สูตรไหนดี ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? ในบทความนี้
สารบัญ เมโสหน้าใส
ปัญหาหน้าหมองคล้ำ หน้าไม่ใส เกิดจากอะไร ?
ก่อนจะฉีดเมโสหน้าใส ควรรู้ก่อนครับว่าปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดจากสาเหตุใด แต่ละคนอาจเกิดได้จากปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนี้
- แสงแดด รังสี UVA และ UVB จากแสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายเซลล์ผิวและอิลาสติน ทำให้หน้าหมองคล้ำ
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง ทำให้หน้าหมองคล้ำ ผิวแห้ง มีริ้วรอยได้ง่าย
- นอนดึก อดนอน นอนไม่เป็นเวลา การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน ทำให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ส่งผลให้หน้าดูโทรม และดูแก่ก่อนวัย
- ความเครียด เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายของมนุษย์จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- ดื่มน้ำน้อยและไม่รับประทานผักผลไม้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอและไม่รับประทานผักผลไม้ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น
วิธีการบำรุงให้หน้าขาวใส มีวิธีไหนบ้าง ?
วิธีการบำรุงให้หน้าขาวใสมีหลายวิธีครับ ที่นิยม เช่น ทำเมโสหน้าใส ทาครีมบำรุง และเลเซอร์หน้าใส ซึ่งแต่ละวิธีจะมีระยะเวลาเห็นผล และผลลัพธ์ที่ต่างกันกันออกไป ดังนี้
ทำเมโสหน้าใส
การทำเมโส หรือเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นวิธีการบำรุงผิวหรือทรีทเมนต์ผิวถึงระดับโครงสร้างผิว ด้วยการนำส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในครีมบำรุง ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Dermis) ช่วยบำรุงผิวให้ผิวกลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง เห็นผลเร็ว โดยเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 3 วัน ซึ่งเร็วกว่าการทาครีมบำรุงที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวชั้นนอกเท่านั้น และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจนครับ
ทาครีมบำรุง
การทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ AHA และ Vitamin C จะช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้ครับ แต่ต้องบำรุงอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน สำหรับคนผิวบาง ผิวแพ้ง่าย หากส่วนผสมมีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
เลเซอร์หน้าใส
การทำเลเซอร์หน้าใส เป็นการใช้คลื่นแสงจำเพาะยิงเข้าไปกระตุ้นเซลล์ผิวและคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิว ลดการทำงานของเม็ดสี ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าใสขึ้นครับ แต่มีข้อควรระวังสำหรับคนผิวบาง อาจเกิดรอยแดงหลังทำ หรือเครื่องเลเซอร์บางชนิดหลังทำอาจมีการตกสะเก็ด ทำให้ต้องพักหน้า ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้หน้าทันที
ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ?
การฉีดเมโสหน้าใส คือ การฉีดวิตามินหรือสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เป็นชั้นผิวที่มีคอลลาเจน อิลาสติน เนื้อเยื่อ และไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น แข็งแรง แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ และมีปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา
เมโสหน้าใส จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิว กระตุ้นเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ขับสารพิษ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนใส ดูสุขภาพดีครับ
เมโสหน้าใส ช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ฟื้นฟูผิวจากภาวะผื่นแพ้และสิว
- ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น
- ลดฝ้า กระ กระชับรูขุมขน
- เสริมสร้างคอลลาเจน
ฉีดเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง ?
การฉีดเมโสหน้าใส มีชื่อเรียกแตกต่างกันได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่านำไปใช้แก้ปัญหาอะไรเป็นหลัก เช่น สิว ฝ้า จุดด่างดำ ดังนี้
- เมโสสิว เป็นการฉีดเมโส เพื่อรักษาสิว ลดการอักเสบและบวมแดงของผิว ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
- เมโสฝ้า เป็นการฉีดเมโส เพื่อชะลอการกระจายตัวของฝ้า และช่วยให้ฝ้าจางลง
- Meso White คือ การทำ Meso หน้าใสเหมือนกันครับ ช่วยลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส แต่ละคลินิกจะมีสูตรตัวยาเฉพาะที่ต่างกัน จึงมีการตั้งชื่อให้ต่างกันด้วยเหตุผลทางการตลาด
เมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?
เมโสหน้าใส สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบตามลักษณะการใช้งาน เช่น
1. แบบทา
เมโสหน้าใสแบบทา เป็นการทาครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกับการทาครีมทั่วไป ต้องรอให้ผิวดูดซึมตัวยา ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ประสิทธิภาพจะต่างจากเมโสแบบฉีดมากครับ
2. แบบฉีด
เมโสหน้าใสแบบฉีด จะดูดซึมวิตามินได้ดีกว่าการทาครีมครับ เพราะเป็นการฉีดวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้ออกฤทธิ์ไวและเห็นผลลัพธ์เร่งด่วน
นอกจากนี้ เมโสหน้าใสแบบฉีด ยังแบ่งเป็นสูตรต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของคนไข้ ดังนี้
- แบบฉีดหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น Vitamin A B C E, Transamin, Glutathione ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ทำให้หน้าขาวใส
- แบบฉีดเน้นหน้าใส มีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน
- แบบฉีดลดสิว-ผื่น มีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ลดการอักเสบ ขับสารพิษ แก้ปัญหาสิว ผิวเป็นผื่นแพ้ ซึ่งเมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้ คอลลาเจน ครับ
เมโสหน้าใส กับมาเด้ คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร ?
มาเด้ เป็นหนึ่งในชื่อยี่ห้อยาที่ใช้ฉีดเมโสหน้าใส รวมถึงตัวยาฉีดยี่ห้ออื่น ๆ เช่น REVS, Tensonez, Alpha Arbutin และ Neo Glutanex แต่บางคลินิกอาจบอกว่าเป็นการฉีดเมโสหน้าใส แต่ไม่ได้ระบุยี่ห้อยามา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก่อนฉีดคนไข้ควรสอบถามถึงยี่ห้อเมโสที่ใช้ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้ ได้มาตรฐานครับ
บทความแนะนำ
ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่หน้าโทรม มีปัญหาสิว เป็นผื่นแพ้
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำจากรอยสิว สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลไวกว่าการทาครีม
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
ฉีดเมโสหน้าใส มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร ?
ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส
- ช่วยให้สภาพผิวหน้าดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
- ช่วยให้ผิวหน้าขาวใสอย่างปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ
- เห็นผลลัพธ์ไวกว่าการทาครีม
ข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- หากไม่ได้ฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดแผลบนใบหน้าและอักเสบเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ข้อควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส
Meso หน้าใส มีหลายแบบ หลายสูตรครับ เช่น เน้นหน้าขาวใส เน้นลดสิว ลดฝ้า ต้องเลือกสูตรให้เหมาะสมกับปัญหา และสภาพผิว เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
ไม่ควรซื้อเมโสที่ซื้อขายตามอินเทอร์เน็ต เมโสราคาถูกมาฉีดเองครับ เพราะเสี่ยงเจอเมโสหน้าใสของปลอม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ฉีดไปตอนแรกอาจจะเห็นผลไว หน้าใสขึ้นอย่างรวดเร็วก็จริงครับ แต่ตัวยามีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือฮอร์โมน เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้ เช่น ผิวบางลง เกิดฝ้า ผิวไวต่อแดด เกิดริ้วรอยก่อนวัย หรือหนักสุดถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้
ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ตัวยาที่ใช้ต้องเป็นตัวยาแท้ครับ
ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด คืออะไร ต่างจากการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุดอย่างไรบ้าง ?
เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส มีทั้งแบบฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด และการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ซึ่งด้วยเทคนิคการฉีดที่ต่างกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันครับ
เมโสสะกิดหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มฉีดตัวยาให้กระจายเป็นจุดเล็ก ๆ บนผิวหนังชั้นตื้นทั่วทั้งหน้า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่มีผลข้างเคียงคือ รอยแดง รอยช้ำ ซึ่งหากขั้นตอนในการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ เทคนิคนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
เมโสหน้าใส 16 จุด
การฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด เป็นเทคนิคการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง 16 จุดทั่วใบหน้าครับ ทำให้ตัวยากระจายตัวเข้าสู่ชั้นผิวได้เต็มที่ ออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่าเมโสแบบสะกิดครับ
ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม ?
ปกติการทำเมโสจะแทงเข็มลงไปในชั้นผิว ลึกเพียง 5-10 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงไม่เจ็บมาก อาจรู้สึกแสบผิวเล็กน้อย ส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ประคบน้ำแข็งก่อนฉีดก็เพียงพอครับ แต่ถ้าคนไข้กลัวเจ็บมาก ๆ ก็สามารถแปะยาชาได้ครับ
ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?
หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาแท้ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยครับ ตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว อันตรายหรือผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสหน้าใสส่วนใหญ่ จะเกิดจากการฉีดเมโสปลอม ที่มีการลักลอบขายตามอินเทอร์เน็ต หรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานครับ
ฉีดเมโสหน้าใส ดีอย่างไร ?
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยแก้ปัญหาผิว เช่น ลดสิว ลดผื่น ปรับผิวขาวใส ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขนกว้างได้อย่างเร่งด่วน เห็นผลไวกว่าการทาครีมบำรุง จากปกติอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ แต่สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นผลใน 3 วัน เห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน เมื่อเทียบระยะเวลาและผลลัพธ์ ถือว่ามีความคุ้มค่าครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส
ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษครับ หมอจะประเมินสภาพผิวหน้า เลือกสูตรยาเมโสให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและตรงตามความต้องการของคนไข้
ทั้งนี้ คนไข้ควรแจ้งประวัติการใช้ยา การแพ้ยา หรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ
เมโสหน้าใส รีวิว
เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไร ?
เมโสหน้าใส มีหลายสูตร หลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เมโสยี่ห้อไหนดี หมอจะประเมินและเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสม ดังนี้
- Made Collagen เน้นลดสิว ลดผื่น ช่วยขับสารพิษ บำรุงผิวให้แข็งแรง
- Filorga / Revs เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ
- Tensonez / Depigment เน้นลดฝ้า ให้ใบหน้าขาวใส
- Neo Glutanex Glow เน้นหน้าขาวใส กระตุ้นคอลลาเจน
- Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาของเมโสหน้าใส จะแตกต่างกันไปตามสูตรและยี่ห้อที่ใช้ และอาจขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วยครับ
โปรโมชั่นเมโสหน้าใส
ที่ V Square Clinic โปรโมชั่นราคา จะแตกต่างกันไปตามสูตรครับ
- มาเด้ คอลลาเจน
ครั้งละ 2,500.-
คอร์ส 5 ครั้ง 9,900.-
- เมโสหน้าใส Filorga (Fillmed)
ครั้งละ 9,000.-
คอร์ส 5 ครั้ง 39,000.-
- เมโสหน้าใส Revs
ครั้งละ 6,000.-
คอร์ส 5 ครั้ง 25,000.-
- เมโสหน้าใส Neo Glutanex Glow / Tensonez / Alpha arbutin
ครั้งละ 3,500.-
คอร์ส 5 ครั้ง 15,000.-
ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี ?
ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบต่อไปนี้
- มีชื่อคลินิกแสดงให้เห็นชัดเจน
- มีการจดทะเบียนและเลขใบอนุญาต 11 หลัก
- บรรยากาศภายในคลินิกสว่าง สะอาด ปลอดภัย
- ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
- หมอให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและมีการนัดติดตามผลทุกครั้งหลังทำอย่างใกล้ชิด
- มีรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ของเคสนั้น ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนทำ
- มีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น เบอร์โทร Line Facebook ที่สามารถติดต่อไปสอบถามหรือปรึกษาหมอได้
ฉีดเมโสหน้าใสที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
ที่ V Square Clinic เลือกใช้ตัวยาเมโสหน้าใสที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ ปลอดภัย สั่งซื้อจากบริษัทที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก่อนฉีดแพทย์จะประเมินปัญหาผิวหน้าและเลือกสูตรเมโสหน้าใสที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงตามความต้องการของคนไข้ครับ
Q&A ฉีดเมโสหน้าใส
ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล ?
เริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด เห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการฉีดและสภาพผิวของคนไข้แต่ละคน
ฉีดเมโสหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล ?
ฉีดเมโสหน้าใส สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดครับ แนะนำในช่วงเดือนแรกให้ฉีดต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหลังจากนั้นควรฉีดทุก ๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพผิว
ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส
- งดกด นวดผิวบริเวณที่ทำ
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- หากเกิดรอยแดง รอยช้ำจากเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
- แนะนำให้อยู่ในอากาศเย็น ช่วยลดการบวมเข็มได้ครับ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
- ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิว ไม่ให้ผิวคล้ำเสีย
- รับประทานผักและผลไม้ เพื่อเสริมสร้างวิตามิน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ฉีดเมโสหน้าใส หน้าบวมไหม บวมกี่วัน ?
โดยปกติแล้ว หลังฉีดเมโสหน้าใสจะมีรอยบวมจากเข็มที่ฉีด สามารถหายได้เองใน 1-3 วันครับ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโสหน้าใส
ผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสหน้าใส ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย อาจมีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ หายได้เองใน 1-3 วัน หรืออาจมีอาการบวมเป็นตุ่มนูน ๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดจากการบวมยา เมื่อตัวยาจะค่อย ๆ กระจายตัวและซึมเข้าสู่ผิว ก็จะหายไปเองครับ
เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ของเมโสหน้าใส อยู่ได้ 1-2 เดือน หากฉีดอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคลด้วยครับ
สรุป
เมโสหน้าใส เป็นการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน ด้วยวิตามินและสารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ เป็นสิว เป็นฝ้า ผิวหน้าแพ้ง่าย หลังฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยบำรุงและฟื้นฟูให้ผิวหน้ากลับมาแข็งแรง ดูสุขภาพดี กระจ่างใส เรียนเนียน เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการทาครีมบำรุง ทำให้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันครับ