
รู้จัก Hyabell Filler สัญชาติเยอรมนี
Hyabell Filler ถือเป็นฟิลเลอร์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัวในท้องตลาดตอนนี้ครับ ด้วยความที่ทางแบรนด์ได้ชูจุดเด่นของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการผลิต ทำให้มีการจำหน่ายและใช้งานกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจุดเด่นที่ว่าคือ
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และคงอยู่ได้นาน
- เนื้อฟิลเลอร์เรียงตัวกันเป็นระเบียบ มีขนาดใกล้เคียงกัน กระจายตัวได้ดี
- ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล
- เนื้อฟิลเลอร์ฉีดง่าย ลดแรงที่ใช้ในการฉีด จึงลดความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ
แล้วฟิลเลอร์ Hyabell คืออะไร ? ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ? ราคาเท่าไหร่ ? ในบทความนี้หมอจะมาสรุปจุดเด่น พร้อมเทียบความต่างกับตัวอื่น เพื่อให้คนไข้ใช้เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจฉีดครับ
คลิกอ่านหัวข้อ ฟิลเลอร์ Hyabell
Hyabell Filler คืออะไร ? เป็นของประเทศอะไร ?

Hyabell Filler (ไฮยาเบล) คือ ฟิลเลอร์จากประเทศเยอรมนีครับ ผลิตโดยบริษัท Adoderm GmbH ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม ปัจจุบันมีการจำหน่ายและใช้งานกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทย ฟิลเลอร์ Hyabell ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก อย.ไทย เป็นที่เรียบร้อย โดยมีการนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องโดยบริษัท KNA Interpharma ประเทศไทย
ส่วนการใช้งาน ฟิลเลอร์ Hyabell ได้ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติการกักเก็บน้ำสูง สามารถดึงดูดและรักษาความชุ่มชื้นได้ดี เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังจะช่วยเติมเต็มร่องลึก เพิ่มปริมาตร และปรับรูปหน้าให้มีมิติ เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ขึ้นครับ
อยากรู้จัก “ฟิลเลอร์” มากขึ้นใช่ไหม ? อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ คลิกเลย!

Hyabell Filler ใช้เทคโนโลยีอะไรในการผลิต ?

Hyabell Filler ผลิตด้วยเทคโนโลยี MPT (Monophasic Particle Technology) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ ADODERM ที่ช่วยให้โมเลกุลของ HA เรียงตัวกันเป็นระเบียบ มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง อยู่ได้นาน และกระจายตัวได้อย่างสมดุล
นอกจากนี้ฟิลเลอร์ Hyabell แต่ละรุ่น ยังมีการเลือกใช้ Crosslinker ในปริมาณที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละตัวมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาของคนไข้แต่ละคน
อีกหนึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยี MPT คือ ช่วยลดแรงที่ใช้ในการฉีด (Extrusion Force) ทำให้แพทย์สามารถฉีดได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามมากขึ้นครับ
จุดเด่นฟิลเลอร์ Hyabell สัญชาติเยอรมันที่ต่างจากตัวอื่น
Hyabell Filler มีจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างจากฟิลเลอร์ตัวอื่น ๆ ในท้องตลาดดังนี้ครับ
- ฟิลเลอร์ยุโรปตัวแรกที่มีผสมยาชา ทำให้ฉีดง่ายขึ้น เจ็บน้อยลง และกระจายตัวดีขึ้น
- เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ไม่จับตัวเป็นก้อน และอยู่ได้นาน
- มีกระบวนการเชื่อมขวาง (Cross-linking) ที่ทำให้โมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิกมีความเสถียรและคงทน
- เป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอน จึงสลายได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ได้รับการรับรองจากยุโรป (CE Certified) ปลอดภัย มาตรฐานระดับโลก
- ใช้เทคโนโลยี MPT ทำให้ได้เนื้อเจลเนียนนุ่ม ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
- ตอบโจทย์ทุกปัญหาบนใบหน้า เติมเต็มให้เป็นธรรมชาติ เข้ากับผิวได้ดี ลดการบวมและช้ำหลังฉีด
- มี 4 รุ่น ให้เลือกใช้ แต่ละรุ่นมีโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่างกัน เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งบนใบหน้า
Filler Hyabell ฉีดตำแหน่งใดได้บ้าง ?
Hyabell Filler สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้าครับ ได้แก่
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มใต้ตาลึก ลดริ้วรอย ลดขอบตาดำ
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึก ให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับตอบให้ใบหน้าดูสมดุล
- ฟิลเลอร์กรอบหน้า ช่วยปรับกรอบหน้าให้ดูคมชัดขึ้น
- ฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับรูปหน้าผากให้ดูโหนกนูนอย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์คาง ช่วยให้คางดูเรียวและได้รูป
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม เพิ่มวอลลุ่มบริเวณหน้าแก้ม ให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์ปาก เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม
Hyabell Filler มีทั้งหมดกี่รุ่น เหมาะกับฉีดบริเวณใด ?
ฟิลเลอร์ Hyabell มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันครับ แต่ละรุ่นออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวในบริเวณต่าง ๆ โดยมีระดับความแข็งและความยืดหยุ่นที่เหมาะสมต่างกัน พร้อมทั้งมีการผสม Lidocaine 3% ทุกสูตร เพื่อช่วยให้ฉีดได้สบายยิ่งขึ้น
1. Hyabell Lips (เนื้อบางเบา นุ่มที่สุด)

- เหมาะสำหรับ : ฉีดปาก เติมความชุ่มชื้น เพิ่มความชัดให้ริมฝีปาก ลดริ้วรอยเล็ก ๆ มุมปาก ร่องใต้ตา ริ้วรอยหางตา หรือแก้ปัญหาริ้วรอยร่องตื้นหลุมสิว
- ระยะเวลาคงอยู่ : 6-9 เดือน
2. Hyabell Basic (เนื้อเจลแน่นปานกลาง)

- เหมาะสำหรับ : ฉีดแก้ไขริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา หรือฉีดปากเพิ่มวอลลุ่ม
- ระยะเวลาคงอยู่ : 9-12 เดือน
3. Hyabell Deep (เนื้อเจลแน่น)

- เหมาะสำหรับ : ฉีดยกกระชับ ปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก เช่น ขมับ, หน้าแก้ม, คาง และกรอบหน้า
- ระยะเวลาคงอยู่ : 9-12 เดือน
4. Hyabell Ultra (เนื้อเจลแน่นที่สุด)

- เหมาะสำหรับ : ปรับรูปหน้า ยกกระชับ เติมเต็มในระดับผิวชั้นลึก เช่น Mid-face, คาง, กรอบหน้า, ขมับ, ใต้ตา และหน้าผาก
- ระยะเวลาคงอยู่: 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ Hyabell เหมาะกับใคร ?
Hyabell Filler เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมความงามแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำตา หรือริ้วรอยต่างๆ ที่ต้องการเติมเต็ม
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้กับส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น แก้ม ริมฝีปาก คาง หรือขมับที่บุ๋ม
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป แม้ว่าไม่มีข้อจำกัดด้านอายุที่ชัดเจน แต่ช่วงอายุนี้มักเป็นช่วงที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนหรือย้อนกลับได้หากไม่พอใจ
- ผู้ที่เข้าใจข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์และมีความคาดหวังที่เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ Hyabell อาจไม่เหมาะกับ
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
- สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ตัวเองรุนแรง
- ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
- ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

ข้อควรรู้ : การประเมินความเหมาะสมควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ซึ่งจะพิจารณาประวัติทางการแพทย์ สภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด
Hyabell Filler อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ระยะเวลาของ Hyabell Filler ขึ้นอยู่กับรุ่นและตำแหน่งที่ฉีด โดยทั่วไปสามารถอยู่ได้นาน 6-18 เดือนครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระบบเผาผลาญของร่างกาย พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังฉีด
- Hyabell Lips อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน
- Hyabell Basic อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- Hyabell Deep อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- Hyabell Ultra อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน

ข้อควรรู้ : การดูแลหลังฉีดมีผลต่ออายุของฟิลเลอร์ เช่น การหลีกเลี่ยงความร้อนจัด แอลกอฮอล์ และการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
เปรียบเทียบ Hyabell Filler กับยี่ห้ออื่น ๆ ต่างกันอย่างไร ?
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละแบรนด์มีเทคโนโลยีและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด โดยแต่ละยี่ห้อมีความต่างกันดังนี้ครับ
- ฟิลเลอร์ Restylane สวีเดน ผลิตด้วย NASHA และ OBT Technology มีจุดเด่นที่ขนาดโมเลกุลมีเม็ดใหญ่ ช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูง ยืดหยุ่นดี สามารถใช้เติมเต็มในหลายบริเวณ นิยมฉีดยกพยุงผิว
- ฟิลเลอร์ Juvederm อเมริกา ผลิตด้วย Hylacross และ Vycross Technology มีจุดเด่นที่ความเรียบเนียน และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ครอบคลุมปัญหาทุกตำแหน่งของใบหน้า
- ฟิลเลอร์ Belotero สวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วย CPM Technology มีจุดเด่นเรื่องความแน่นและความยืดหยุ่นของเนื้อฟิลเลอร์ สามารถคงรูปได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน
- ฟิลเลอร์ Neuramis เกาหลี ผลิตด้วย Shape Technology มีจุดเด่นเรื่องความคงตัว สามารถเติมเต็ม ปรับรูปหน้าได้หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอย ร่องตื้นที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกตามวัย
- ฟิลเลอร์ Definisse อิตาลี ผลิตด้วย XTR™ Technology เด่นในเรื่อง Hyaluronic Acid สานกันเป็นร่างแห ช่วยในการยกพยุงได้ดี ปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โอกาสแพ้และบวมหลังฉีดน้อย
- ฟิลเลอร์ Flore เกาหลี ผลิตด้วย HCCL™ Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความหลากหลาย ทั้งความแข็งและความยืดหยุ่น แน่นกระชับ คงรูปได้ดี และยังสามารถใช้ฉีดปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้นได้
- ฟิลเลอร์ Yvoire เกาหลี ผลิตด้วย HICE Cross-link Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว ยึดเกาะแน่น ไม่ไหลย้อย เหมาะกับเติมเต็มในชั้นลึก
- ฟิลเลอร์ Biohyalux จีน ผลิตด้วย BioBT Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น คงรูปได้ดี มีความคงทน อยู่ได้นาน ฟิลเลอร์ไม่บวมน้ำ ช่วยปรับรูปหน้า หรือทดแทนในชั้นผิวที่ยุบลงได้ดี
- ฟิลเลอร์ Teoxane สวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วย RHA Technology เด่นในเรื่องโครงสร้างโมเลกุลและพันธะของ Filler ที่มีความใกล้เคียงกับผิว ช่วยเติมเต็มผิว เพิ่มมิติ ยืดหยุ่นได้ดีเวลาเคลื่อนไหวใบหน้า
- ฟิลเลอร์ Perfectha ฝรั่งเศส ผลิตด้วย E-Brid Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและความหนืด คงตัวสูงและอยู่ได้นาน มีหลายรุ่นให้เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ e.p.t.q เกาหลี ผลิตด้วย 2CM Technology และ Downing process เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เนียนละเอียด ฉีดได้หลายตำแหน่ง สลายช้าลง และอยู่ได้นานขึ้น
- ฟิลเลอร์ Neauvia อิตาลี ผลิตด้วย SXT Technology ผสมกับ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนความร้อนได้ดี ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจนในคราวเดียวกัน
- ฟิลเลอร์ Revanesse แคนนาดา ผลิตด้วย Thixofix Cross-Linking Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม คงทน สามารถปรับตัวเข้ากับเนื้อเยื่อใต้ผิวได้ดี ทำให้ง่ายต่อการฉีดของแพทย์
- ฟิลเลอร์ Revolax เกาหลี ผลิตด้วย HEXALink Technology เด่นในเรื่องเนื้อฟิลเลอร์มีโครงสร้างแบบตาข่าย ทำให้เนื้อเจลมีความเรียบเนียน ฉีดแล้วกลืนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน
- ฟิลเลอร์ Volifil เกาหลี ผลิตด้วย HCCL และ PP Process เด่นในเรื่องความคงทน มีโครงสร้างเนื้อเจลแบบเนื้อเดียวกัน ทำให้เนื้อเจลมีความสม่ำเสมอ กระจายตัวได้ดีในผิว ไม่เป็นก้อนหรือไหลเมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิว
อยากรู้ ? ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ตำแหน่งไหน ใช้ยี่ห้ออะไร คลิก!


ข้อควรรู้ : ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อใดก็ตาม หมอแนะนำให้เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์ปัญหา พร้อมแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมถึงปริมาณ CC ที่ต้องใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด
ฉีด Hyabell Filler ราคาเท่าไหร่ ?
ฟิลเลอร์ Hyabell ราคาเริ่มต้นที่ 8,000.-/1 CC ครับ อาจต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น
- รุ่นของ Hyabell Filler แต่ละรุ่นมีความเข้มข้นของ HA และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
- ปริมาณ CC ที่ใช้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล
- บริเวณที่ฉีด เช่น การฉีดใต้ตาหรือริมฝีปากอาจใช้ปริมาณที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการฉีดปรับโครงหน้า
- คลินิกและแพทย์ที่ทำการฉีด ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
โปรโมชันโปรแกรมฟิลเลอร์ ราคาพิเศษ ที่ V Square Clinic

วิธีเช็กฟิลเลอร์ Hyabell ของแท้

ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ปลอมจำนวนมากในตลาด ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คนไข้สามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ Hyabell ของแท้ได้ตามวิธีต่อไปนี้ครับ
- กล่องบรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยแกะ ดัดแปลง หรือรอยเปิดที่ผิดปกติ
- สังเกตฉลากภาษาไทย ต้องมีฉลากระบุข้อมูลชัดเจน รวมถึงชื่อบริษัทผู้นำเข้าและเลขทะเบียน อย.
- ตรวจสอบเลขล็อต (Lot Number) และ QR Code เพื่อสแกนตรวจสอบผลิตภัณฑ์ผ่านระบบของผู้ผลิตได้
- โทรสอบถามเลข Lot. กับบริษัทนำเข้าโดยตรง
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด การเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ? ควรเลือกรับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดี และใช้ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
(พญ.วรรณศิลป์ สุขสมานพันธ์ เลข ว.49758)
วิธีเช็กฟิลเลอร์แท้ แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น เช็กให้ชัวร์! ปลอดภัยก่อนฉีด
ฉีด Hyabell Filler ดีไหม คุ้มค่าหรือไม่ ?
Hyabell Filler เป็นฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ดี คุ้มค่าอีกตัวนึงครับ ด้วยตัวยาที่ผลิตจากเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว กระจายตัวดี หลังฉีดจึงดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีด Hyabell Filler
- ปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก อย. ไทย และมาตรฐานยุโรป
- มีหลายรุ่นให้เลือก เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกัน
- เนื้อเจลมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชาทุกรุ่น จึงช่วยลดความเจ็บขณะฉีดได้
- อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้
Hyabell Filler ผ่าน อย. หรือไม่ ?
Hyabell Filler ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิตระดับสากล นอกจากนี้ยังผ่านการรับรองมาตรฐาน CE จากยุโรป และ MDSAP ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ
คนไข้สามารถเช็กรายชื่อยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย.ไทย ได้ที่ ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ไทย ล่าสุด! มียี่ห้อไหนบ้าง ? เช็กให้ชัวร์ ปลอดภัยก่อนฉีด
หลังฉีด Hyabell Filler ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากและอุณหภูมิสูง (เช่น ซาวน่า ฟิตเนส) เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและใช้ครีมกันแดด SPF 30+ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ประคบเย็นหากมีอาการบวม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hyabell Filler
ฉีดฟิลเลอร์ Hyabell เจ็บไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ Hyabell ไม่เจ็บครับ เนื่องจาก Hyabell Filler ทุกรุ่นมีส่วนผสมของยาชา จึงช่วยลดความเจ็บขณะฉีดได้
Hyabell Filler สลายได้หมดจริงไหม ?
Hyabell Filler หลังฉีดสามารถสลายหมด เนื่องจากใช้ไฮยาลูโรนิกแอซิดแท้ 100% ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฉีด Hyabell Filler แล้วเป็นก้อนไหม ?
เนื่องจากฟิลเลอร์ Hyabell ใช้เทคโนโลยี MPT (Monophasic Particle Technology) ที่ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวในผิวหนังได้ดี จึงมีโอกาสเป็นก้อนน้อยครับ แต่ต้องฉีดกับแพทย์มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเท่านั้น
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ? อันตรายไหม ? มีวิธีแก้ไขอย่างไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ Hyabell กี่วันเห็นผล ?
การฉีด Hyabel Filler เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด และเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 7-14 วัน ครับ
ฟิลเลอร์ Hyabell มีผลข้างเคียงไหม ?
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีด Hyabell Filler มักเป็นอาการเล็กน้อยและหายได้เองครับ เช่น
- รอยแดงหรือบวมบริเวณที่ฉีด (มักหายภายใน 1-3 วัน)
- จ้ำเลือดหรือรอยฟกช้ำ (มักหายภายใน 1 สัปดาห์)
- รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อย
- อาการคันหรือผื่นแดงเล็กน้อย
สรุป Hyabell Filler คุ้มค่าแค่ไหน ?
หากคนไข้กำลังมองหาฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ Hyabell Filler ถือเป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าสนใจครับ เนื่องจาก
- ฟิลเลอร์จากเยอรมนี ปลอดภัย มาตรฐานยุโรป
- ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน
- ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวดูเต่งตึง
- เห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรก อยู่ได้นาน 6-18 เดือน และสลายได้เอง 100%
อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ Hyabell ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้และผ่านการรับรอง อย.ไทยด้วยนะครับ