ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ? เหมาะกับใคร สูตรไหนดี ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง ?

Categories
เมโส
ฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร

ฉีดเมโสหน้าใส

การฉีด เมโสหน้าใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา หน้าเป็นฝ้า กระ มีสิวและจุดด่างดำ หมั่นทาครีมบำรุงแต่ไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้า อยากได้วิธีแก้ปัญหาผิว บำรุงผิวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นทางลัดในการบำรุงผิวที่ตอบโจทย์ครับ เพราะเห็นผลลัพธ์เร็ว ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กระจ่างใสอย่างตรงจุดโดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาว

สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูล หมอสรุปเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ? ดีอย่างไร ? ช่วยอะไรบ้าง ? มีกี่แบบ ? สูตรไหนดี ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? ในบทความนี้

สารบัญ เมโสหน้าใส

  1. ปัญหาหน้าหมองคล้ำ หน้าไม่ใส เกิดจากอะไร ?
  2. วิธีการบำรุงให้หน้าขาวใส มีวิธีไหนบ้าง ?
  3. ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ?
  4. เมโสหน้าใส ช่วยอะไรได้บ้าง ?
  5. ฉีดเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง ?
  6. เมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?
  7. เมโสหน้าใส กับมาเด้คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร ?
  8. ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง ?
  9. ฉีดเมโสหน้าใส มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร ?
  10. ข้อควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส
  11. ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด คืออะไร ต่างจากการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุดอย่างไรบ้าง ?
  12. ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม ?
  13. ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?
  14. ฉีดเมโสหน้าใส ดีอย่างไร ?
  15. การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส
  16. เมโสหน้าใส รีวิว
  17. เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไร ?
  18. เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?
  19. ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี ?
  20. Q&A ฉีดเมโสหน้าใส

ปัญหาหน้าหมองคล้ำ หน้าไม่ใส เกิดจากอะไร ?

ก่อนจะฉีดเมโสหน้าใส ควรรู้ก่อนครับว่าปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดจากสาเหตุใด แต่ละคนอาจเกิดได้จากปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • แสงแดด  รังสี UVA และ UVB จากแสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายเซลล์ผิวและอิลาสติน ทำให้หน้าหมองคล้ำ 
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง ทำให้หน้าหมองคล้ำ ผิวแห้ง มีริ้วรอยได้ง่าย
  • นอนดึก อดนอน นอนไม่เป็นเวลา การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน ทำให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ส่งผลให้หน้าดูโทรม และดูแก่ก่อนวัย
  • ความเครียด  เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายของมนุษย์จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • ดื่มน้ำน้อยและไม่รับประทานผักผลไม้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอและไม่รับประทานผักผลไม้ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น 
สาเหตุปัญหาหน้าคล้ำ
สาเหตุปัญหาหน้าคล้ำ

แสงแดด และการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ


วิธีการบำรุงให้หน้าขาวใส มีวิธีไหนบ้าง ?

วิธีการบำรุงให้หน้าขาวใสมีหลายวิธีครับ ที่นิยม เช่น ทำเมโสหน้าใส ทาครีมบำรุง และเลเซอร์หน้าใส ซึ่งแต่ละวิธีจะมีระยะเวลาเห็นผล และผลลัพธ์ที่ต่างกันกันออกไป ดังนี้

ทำเมโสหน้าใส

การทำเมโส หรือเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นวิธีการบำรุงผิวหรือทรีทเมนต์ผิวถึงระดับโครงสร้างผิว ด้วยการนำส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในครีมบำรุง ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Dermis) ช่วยบำรุงผิวให้ผิวกลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง เห็นผลเร็ว โดยเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 3 วัน ซึ่งเร็วกว่าการทาครีมบำรุงที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวชั้นนอกเท่านั้น และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจนครับ    

ฉีดเมโสหน้าใส หมอเอก

ทาครีมบำรุง

การทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ AHA และ Vitamin C จะช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้ครับ แต่ต้องบำรุงอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน สำหรับคนผิวบาง ผิวแพ้ง่าย หากส่วนผสมมีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

ทาครีมบำรุง

เลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใส เป็นการใช้คลื่นแสงจำเพาะยิงเข้าไปกระตุ้นเซลล์ผิวและคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิว ลดการทำงานของเม็ดสี ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าใสขึ้นครับ แต่มีข้อควรระวังสำหรับคนผิวบาง อาจเกิดรอยแดงหลังทำ หรือเครื่องเลเซอร์บางชนิดหลังทำอาจมีการตกสะเก็ด ทำให้ต้องพักหน้า ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้หน้าทันที

เลเซอร์หน้าใส

ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ?

การฉีดเมโสหน้าใส คือ การฉีดวิตามินหรือสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เป็นชั้นผิวที่มีคอลลาเจน อิลาสติน เนื้อเยื่อ และไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น แข็งแรง แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ และมีปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา  

เมโสหน้าใส จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิว กระตุ้นเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ขับสารพิษ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนใส ดูสุขภาพดีครับ   


เมโสหน้าใส ช่วยอะไรได้บ้าง ?

  • ฟื้นฟูผิวจากภาวะผื่นแพ้และสิว
  • ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
  • ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น
  • ลดฝ้า กระ กระชับรูขุมขน
  • เสริมสร้างคอลลาเจน  

ฉีดเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง ?

การฉีดเมโสหน้าใส มีชื่อเรียกแตกต่างกันได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่านำไปใช้แก้ปัญหาอะไรเป็นหลัก เช่น สิว ฝ้า จุดด่างดำ ดังนี้     

  • เมโสสิว เป็นการฉีดเมโส เพื่อรักษาสิว ลดการอักเสบและบวมแดงของผิว ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • เมโสฝ้า เป็นการฉีดเมโส เพื่อชะลอการกระจายตัวของฝ้า และช่วยให้ฝ้าจางลง
  • Meso White คือ การทำ Meso หน้าใสเหมือนกันครับ  ช่วยลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส แต่ละคลินิกจะมีสูตรตัวยาเฉพาะที่ต่างกัน จึงมีการตั้งชื่อให้ต่างกันด้วยเหตุผลทางการตลาด 

เมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?

เมโสหน้าใส สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบตามลักษณะการใช้งาน เช่น

1. แบบทา

เมโสหน้าใสแบบทา เป็นการทาครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกับการทาครีมทั่วไป ต้องรอให้ผิวดูดซึมตัวยา ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ประสิทธิภาพจะต่างจากเมโสแบบฉีดมากครับ 

2. แบบฉีด

เมโสหน้าใสแบบฉีด จะดูดซึมวิตามินได้ดีกว่าการทาครีมครับ เพราะเป็นการฉีดวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้ออกฤทธิ์ไวและเห็นผลลัพธ์เร่งด่วน

นอกจากนี้ เมโสหน้าใสแบบฉีด ยังแบ่งเป็นสูตรต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของคนไข้ ดังนี้   

  • แบบฉีดหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น Vitamin A B C E, Transamin, Glutathione ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ทำให้หน้าขาวใส 
  • แบบฉีดเน้นหน้าใส มีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน  
  • แบบฉีดลดสิว-ผื่น มีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ลดการอักเสบ ขับสารพิษ แก้ปัญหาสิว ผิวเป็นผื่นแพ้ ซึ่งเมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้ คอลลาเจน ครับ
ฉีดหน้าใส

เมโสหน้าใส กับมาเด้ คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร ?

มาเด้ เป็นหนึ่งในชื่อยี่ห้อยาที่ใช้ฉีดเมโสหน้าใส รวมถึงตัวยาฉีดยี่ห้ออื่น ๆ เช่น REVS, Tensonez, Alpha Arbutin และ Neo Glutanex แต่บางคลินิกอาจบอกว่าเป็นการฉีดเมโสหน้าใส แต่ไม่ได้ระบุยี่ห้อยามา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก่อนฉีดคนไข้ควรสอบถามถึงยี่ห้อเมโสที่ใช้ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้ ได้มาตรฐานครับ

บทความแนะนำ


ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง ?

  • ผู้ที่หน้าโทรม มีปัญหาสิว เป็นผื่นแพ้
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำจากรอยสิว สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ  
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลไวกว่าการทาครีม
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย

ฉีดเมโสหน้าใส มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร ?

ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส

  • ช่วยให้สภาพผิวหน้าดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
  • ช่วยให้ผิวหน้าขาวใสอย่างปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ
  • เห็นผลลัพธ์ไวกว่าการทาครีม

ข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น 
  • หากไม่ได้ฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดแผลบนใบหน้าและอักเสบเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ 

ข้อควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส

Meso หน้าใส มีหลายแบบ หลายสูตรครับ เช่น เน้นหน้าขาวใส เน้นลดสิว ลดฝ้า ต้องเลือกสูตรให้เหมาะสมกับปัญหา และสภาพผิว เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุด 

ไม่ควรซื้อเมโสที่ซื้อขายตามอินเทอร์เน็ต เมโสราคาถูกมาฉีดเองครับ เพราะเสี่ยงเจอเมโสหน้าใสของปลอม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ฉีดไปตอนแรกอาจจะเห็นผลไว หน้าใสขึ้นอย่างรวดเร็วก็จริงครับ แต่ตัวยามีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือฮอร์โมน เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้ เช่น ผิวบางลง เกิดฝ้า ผิวไวต่อแดด เกิดริ้วรอยก่อนวัย หรือหนักสุดถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้

ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ตัวยาที่ใช้ต้องเป็นตัวยาแท้ครับ 


ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด คืออะไร ต่างจากการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุดอย่างไรบ้าง ?

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส มีทั้งแบบฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด และการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ซึ่งด้วยเทคนิคการฉีดที่ต่างกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันครับ  

เมโสสะกิดหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มฉีดตัวยาให้กระจายเป็นจุดเล็ก ๆ บนผิวหนังชั้นตื้นทั่วทั้งหน้า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่มีผลข้างเคียงคือ รอยแดง รอยช้ำ ซึ่งหากขั้นตอนในการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ เทคนิคนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม

เมโสหน้าใสแบบสะกิด

เมโสหน้าใส 16 จุด

การฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด เป็นเทคนิคการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง 16 จุดทั่วใบหน้าครับ ทำให้ตัวยากระจายตัวเข้าสู่ชั้นผิวได้เต็มที่ ออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่าเมโสแบบสะกิดครับ        

เมโสหน้าใสแบบสะกิด

ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม ?

ปกติการทำเมโสจะแทงเข็มลงไปในชั้นผิว ลึกเพียง 5-10 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงไม่เจ็บมาก อาจรู้สึกแสบผิวเล็กน้อย ส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ประคบน้ำแข็งก่อนฉีดก็เพียงพอครับ แต่ถ้าคนไข้กลัวเจ็บมาก ๆ ก็สามารถแปะยาชาได้ครับ  


ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?

หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาแท้ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยครับ ตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว อันตรายหรือผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสหน้าใสส่วนใหญ่ จะเกิดจากการฉีดเมโสปลอม ที่มีการลักลอบขายตามอินเทอร์เน็ต หรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานครับ     


ฉีดเมโสหน้าใส ดีอย่างไร ?

ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยแก้ปัญหาผิว เช่น ลดสิว ลดผื่น ปรับผิวขาวใส ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขนกว้างได้อย่างเร่งด่วน เห็นผลไวกว่าการทาครีมบำรุง จากปกติอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ แต่สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นผลใน 3 วัน เห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน เมื่อเทียบระยะเวลาและผลลัพธ์ ถือว่ามีความคุ้มค่าครับ  

หลังฉีดเมโส หมอเอก

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส

ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษครับ หมอจะประเมินสภาพผิวหน้า เลือกสูตรยาเมโสให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและตรงตามความต้องการของคนไข้

ทั้งนี้ คนไข้ควรแจ้งประวัติการใช้ยา การแพ้ยา หรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ 


เมโสหน้าใส รีวิว

รีวิวเมโสหน้าใส รีวิวเมโสหน้าใส(2)
รีวิวเมโสหน้าใส หมอแอน(1)
รีวิวเมโสหน้าใส หมอแอน
รีวิวเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไร ?

เมโสหน้าใส มีหลายสูตร หลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เมโสยี่ห้อไหนดี หมอจะประเมินและเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสม ดังนี้ 

  • Made Collagen เน้นลดสิว ลดผื่น ช่วยขับสารพิษ บำรุงผิวให้แข็งแรง
  • Filorga / Revs เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • Tensonez / Depigment เน้นลดฝ้า ให้ใบหน้าขาวใส
  • Neo Glutanex Glow เน้นหน้าขาวใส กระตุ้นคอลลาเจน
  • Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
ยี่ห้อเมโสหน้าใส
ตัวยาเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่  ?

ราคาของเมโสหน้าใส จะแตกต่างกันไปตามสูตรและยี่ห้อที่ใช้ และอาจขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วยครับ   

โปรโมชั่นเมโสหน้าใส

โปรเมโสหน้าใส

ที่ V Square Clinic โปรโมชั่นราคา จะแตกต่างกันไปตามสูตรครับ 

  • มาเด้ คอลลาเจน

ครั้งละ 2,500.-
คอร์ส 5 ครั้ง 9,900.-

  • เมโสหน้าใส Filorga (Fillmed)

ครั้งละ 9,000.-
คอร์ส 5 ครั้ง 39,000.-

  • เมโสหน้าใส Revs

ครั้งละ 6,000.- 
คอร์ส 5 ครั้ง 25,000.-

  • เมโสหน้าใส Neo Glutanex Glow / Tensonez / Alpha arbutin

ครั้งละ 3,500.- 
คอร์ส 5 ครั้ง 15,000.-


ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี ?

ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี

ก่อนฉีดเมโสหน้าใส ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบต่อไปนี้

  • มีชื่อคลินิกแสดงให้เห็นชัดเจน
  • มีการจดทะเบียนและเลขใบอนุญาต 11 หลัก
  • บรรยากาศภายในคลินิกสว่าง สะอาด ปลอดภัย
  • ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
  • หมอให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและมีการนัดติดตามผลทุกครั้งหลังทำอย่างใกล้ชิด
  • มีรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ของเคสนั้น ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนทำ
  • มีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น เบอร์โทร Line Facebook ที่สามารถติดต่อไปสอบถามหรือปรึกษาหมอได้

ฉีดเมโสหน้าใสที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

ที่ V Square Clinic เลือกใช้ตัวยาเมโสหน้าใสที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ ปลอดภัย สั่งซื้อจากบริษัทที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก่อนฉีดแพทย์จะประเมินปัญหาผิวหน้าและเลือกสูตรเมโสหน้าใสที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงตามความต้องการของคนไข้ครับ       

V Square Clinic

Q&A ฉีดเมโสหน้าใส

ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล ?

เริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด เห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการฉีดและสภาพผิวของคนไข้แต่ละคน 

ฉีดเมโสหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล ?

ฉีดเมโสหน้าใส สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดครับ แนะนำในช่วงเดือนแรกให้ฉีดต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหลังจากนั้นควรฉีดทุก ๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพผิว

ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส

  • งดกด นวดผิวบริเวณที่ทำ 
  • งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • หากเกิดรอยแดง รอยช้ำจากเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • แนะนำให้อยู่ในอากาศเย็น ช่วยลดการบวมเข็มได้ครับ
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
  • ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิว ไม่ให้ผิวคล้ำเสีย
  • รับประทานผักและผลไม้ เพื่อเสริมสร้างวิตามิน 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ข้อห้ามหลังฉีดเมโสหน้าใส
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หลังฉีดเมโสหน้าใส
ดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส
ทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด

ฉีดเมโสหน้าใส หน้าบวมไหม บวมกี่วัน ?

โดยปกติแล้ว หลังฉีดเมโสหน้าใสจะมีรอยบวมจากเข็มที่ฉีด สามารถหายได้เองใน 1-3 วันครับ 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโสหน้าใส

ผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสหน้าใส ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย อาจมีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ หายได้เองใน 1-3 วัน หรืออาจมีอาการบวมเป็นตุ่มนูน ๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดจากการบวมยา เมื่อตัวยาจะค่อย ๆ กระจายตัวและซึมเข้าสู่ผิว ก็จะหายไปเองครับ

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ผลลัพธ์ของเมโสหน้าใส อยู่ได้ 1-2 เดือน หากฉีดอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคลด้วยครับ

เมโสอยู่ได้นานไหม

สรุป

เมโสหน้าใส เป็นการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน ด้วยวิตามินและสารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ เป็นสิว เป็นฝ้า ผิวหน้าแพ้ง่าย หลังฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยบำรุงและฟื้นฟูให้ผิวหน้ากลับมาแข็งแรง ดูสุขภาพดี กระจ่างใส เรียนเนียน เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการทาครีมบำรุง ทำให้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ37คน