ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) คืออะไร ? นำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ?

Categories
ฉีดฟิลเลอร์
ไฮยาลูรอน1000X860

ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)

ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid : HA / Hyaluron) หรือไฮยาลูโรนิก แอซิด เป็นสารที่มีความจำเป็นต่อผิว มีการสังเคราะห์สารไฮยาลูรอนและนำไปใช้หลากหลายรูปแบบครับ สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ? กินได้ไหม ? เลือกใช้อย่างไร ? ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  

มาทำความรู้จัก ไฮยาลูรอน คืออะไร ? สกัดมาจากอะไร ? อันตรายไหม ? ทำงานอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? 

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน ไฮยาลูรอนเป็นส่วนประกอบสำคัญของหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือสกินแคร์ (Skincare) เช่น เซรั่มไฮยา ครีมไฮยาลูรอน วิตามินไฮยา รวมถึงสารเติมเต็มเรียกว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดฟิลเลอร์ประเภท HA ดีไหม ? เลือกฉีดอย่างไร พิจารณาอะไรบ้าง ? 

filler
ฟิลเลอร์ HA

สารบัญ ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)

  1. ไฮยาลูรอน คืออะไร ? 
  2. ไฮยาลูโรนิก หน้าตาเป็นอย่างไร ? 
  3. ไฮยาลูรอน เกิดขึ้นเองได้โดยธรรมชาติ หรือสกัดมาจากอะไร ? 
  4. ถ้าหากขาดไฮยาลูรอน จะมีอาการอย่างไร ? 
  5. ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? 
  6. กระบวนการทำงานของไฮยาลูรอน เป็นอย่างไร ? 
  7. นำกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ? 
  8. ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก ไฮยาลูรอน
  9. ผลิตภัณฑ์จากไฮยาลูรอน อันตรายไหม ? 
  10. ไฮยาลูรอนมีผลข้างเคียงไหม ? 
  11. ไฮยาลูรอนกินได้ไหม ? 
  12. ฉีดสารเติมเต็มจากไฮยาลูรอน ควรรู้อะไรบ้าง ? 
  13. ฉีดไฮยาลูรอนใต้ตา ดีไหม ? เป็นอย่างไร ? 
  14. ฉีดไฮยาลูรอน แล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ? 
  15. หากใช้ Hyaluronic Acid ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม จะเป็นอย่างไร ? 
  16. ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ดีไหม ? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?

ไฮยาลูรอน คืออะไร ? 

ไฮยาลูรอน หรือกรดไฮยาลูโรนิก แอซิด เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มีประโยชน์หลายด้านครับ โดยเฉพาะด้านผิวพรรณ เนื่องจากไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำ กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว โดยสามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่า 

Hyaluron จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างระหว่างคอลลาเจนและอิลาสตินให้เกิดการยึดเกาะกันได้ดียิ่งขึ้น และยังกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มมากขึ้นด้วยครับ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง ไร้ริ้วรอย เรียบเนียน ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ 

กรดไฮยาลูโรนิก
กรดไฮยาลูโรนิก แอซิด 

แต่เมื่ออายุมากขึ้นไฮยาลูรอนที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองนี้ จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ในทางการแพทย์จึงมีการคิดค้นและผลิตไฮยาลูรอนขึ้นมาทดแทน โดยนำมาใช้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสารเติมเต็ม สกินแคร์ต่าง ๆ เช่น ครีมทาผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่มไฮยา หรือแม้แต่วิตามินแร่ธาตุ อาหารเสริม ยารักษาโรคบางชนิด ก็มีไฮยาลูรอนเป็นส่วนประกอบ


ไฮยาลูโรนิก หน้าตาเป็นอย่างไร ? 

หน้าตาของกรดไฮยาลูโรนิก จะมีลักษณะเหนียวใสและมีความยืดหยุ่นสูงคล้ายเจลลี่ มีโครงสร้างโมเลกุลเป็นสายโซ่ยาวพันเกี่ยวกัน มีหน่วยเล็ก ๆ หลายหน่วยเชื่อมกันจนกลายเป็นสารประกอบโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมาก หรือที่เรียกว่าพอลิเมอร์ (Polymer) สายโซ่จำนวนมากนี้ทำให้สารต่าง ๆ เกาะติดกันได้ เป็นพอลิเมอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการดูดซับน้ำ โดยจะกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามเนื้อเยื่อในร่างกาย 

หน้าตาไฮยาลูโรนิก
หน้าตากรดไฮยาลูโรนิก 

ไฮยาลูรอน เกิดขึ้นเองได้โดยธรรมชาติ หรือสกัดมาจากอะไร ? 

ไฮยาลูรอน  เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะร่างกายสร้างขึ้น โดยจะอยู่ในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและพยุงโครงสร้างผิวเอาไว้ 

นอกจากจะพบไฮยาลูรอนได้ในร่างกายมนุษย์แล้ว ยังสามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น กระต่าย วัว ไก่ แบคทีเรีย จุลสาหร่าย ยีสต์ และหอย 

ในยุคแรก ๆ มีการสกัดไฮยาลูรอนจากแหล่งอื่น ๆ เช่น หงอนไก่ และวุ้นลูกตาของวัว แต่ด้วยข้อจำกัดด้านปริมาณการใช้ และอายุการใช้งานที่สั้น เนื่องจากมีการปนเปื้อนของเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยสลายกรดไฮยาลูโรนิกจากเซลล์สัตว์ 

ต่อมาจึงได้มีการสกัดกรดไฮยาลูโรนิกจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกรดไฮยาลูโรนิกธรรมชาติซึ่งเข้ากับร่างกายของมนุษย์


ถ้าหากขาดไฮยาลูรอน จะมีอาการอย่างไร ? 

หากร่างกายขาดไฮยาลูรอน จะมีสัญญาณที่บ่งบอกครับ เริ่มสังเกตได้จากผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ หรือผิวเริ่มแก่ เช่น

  • ผิวขาดความชุ่มชื้น ขาดน้ำ 
  • ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย 
  • ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เปล่งปลั่ง 
  • ผิวมีฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผิวหย่อนคล้อย ไม่ยืดหยุ่น กระชับ 
  • ผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง 
  • ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ร่องลึก  

ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? 

ไฮยาลูรอน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ผิวดูเด็ก แต่เมื่ออายุ 20+ ไฮยาลูรอนตามธรรมชาติจะลดลงเรื่อย ๆ ครับ แม้จะสามารถป้องกันไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมได้ด้วยการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ก็ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ ฝุ่นควันต่าง ๆ ที่หลีกเลี่ยงได้ยากในแต่ละวัน จึงทำได้เพียงชะลอไฮยาลูรอนตามธรรมชาติไม่ให้เสื่อมเร็ว

ส่วนไฮยาลูรอนที่ผลิตและคิดค้นขึ้นมาทดแทน มีสภาพใกล้เคียงไฮยาลูรอนตามธรรมชาติ ถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ ทั้งทา กิน ฉีด โดยหลัก ๆ ช่วยในเรื่องความสวยความงาม เน้นงานผิว และยังช่วยบรรเทาและรักษาโรคบางชนิดได้ครับ 

Hyaluron หมอเมย์
ไฮยาลูรอนใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

กระบวนการทำงานของไฮยาลูรอน เป็นอย่างไร ? 

กระบวนการทำงานของไฮยาลูรอน ไม่ว่าจะใช้ในรูปแบบทา กิน หรือฉีด จะเข้าไปช่วยทดแทนไฮยาลูรอนที่ผลิตได้น้อยลง โดยวิธีการ ผลลัพธ์ที่ได้ รวมถึงระยะเวลาเห็นผลจะแตกต่างกัน ตามขนาดโมเลกุลและความเข้มข้นที่ใช้  


นำกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ? 

กรดไฮยาลูรอนนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน หมอแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่

1.ลดริ้วรอย ให้ความชุ่มชื้น ไฮยาลูรอนมีจุดเด่นในเรื่องล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มเด้ง อิ่มฟู ปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดี กระจ่างใส เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย จึงมีการนำมาเป็นส่วนประกอบในครีมลดริ้วรอย เช่น เซรั่มหัวไฮยา ไฮยาเซรั่ม ครีมไฮยาลูรอน และฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ (Skin Booster)   

2.ปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก แพทย์ความงามได้มีการนำไฮยาลูโรนิก แอซิด มาฉีดปรับรูปหน้าให้มีมิติมากขึ้น เติมเต็มร่องลึกในหลายตำแหน่ง เช่น 

ลักษณะฟิลเลอร์
 ฟิลเลอร์ จากกรดไฮยาลูรอน

3.รักษาโรค องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA อนุมัติให้มีการใช้ไฮยาลูรอนในการฉีดรักษาและป้องกันโรคบางชนิด เช่น 

  • โรคข้อเข่าเสื่อม  
  • ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่  
  • ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก จากโรคกระดูกพรุน  
  • ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดบริเวณข้อ
  • รักษาตาต้อกระจก ตาแห้ง
  • รักษาแผลในปาก
  • สมานแผลไฟไหม้ 

4.บำรุงจากภายใน มีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบอาหารเสริม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทดแทนไฮยาลูรอนในร่างกาย ช่วยในเรื่องผิวพรรณ รวมทั้งรักษาและป้องกันโรค  

ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก ไฮยาลูรอน

  • ฟิลเลอร์ จากกรดไฮยาลูโรนิก
  • เซรั่มไฮยาลูรอน/ครีมไฮยาลูรอน
  • วิตามินบำรุง/อาหารเสริม Hyaluronic Acid
  • ยาบรรเทาและรักษาโรค 

ฟิลเลอร์ จากกรดไฮยาลูโรนิก 

ฟิลเลอร์ สร้างขึ้นเลียนแบบไฮยาลูรอนตามธรรมชาติ มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ฉีดเพื่อทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว ทั้งไฮยาลูรอน คอลลาเจน และอิลาสติน ที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยคงสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างใบหน้าได้เป็นธรรมชาติ หลังฉีดเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที อยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน  

ฉีดฟิลเลอร์ หมอรุ้ง
 ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 

เซรั่มไฮยาลูรอน/ครีมไฮยาลูรอน 

เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมบำรุงผิวหลายยี่ห้อ มักมีส่วนประกอบของไฮยาลูรอน เน้นให้ความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ โดยมีการพัฒนาให้กรดไฮยาลูรอนมีขนาดโมเลกุลเล็กลง เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้จากภายนอก เพราะถ้ามีขนาดโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ ความสามารถในการแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย การทากรดไฮยาลูโรนิกที่มีขนาดใหญ่จึงเป็นเพียงการเคลือบผิว เพื่อปกป้องไม่ให้สูญเสียน้ำใต้ผิวเท่านั้น   

วิตามินบำรุง/อาหารเสริม Hyaluronic Acid 

ผลิตออกมาในรูปแบบเม็ด เพื่อรับประทาน โดยมีปริมาณความเข้มข้นของไฮยาลูรอนแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น คอลลาเจน และสารสกัดต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น นุ่มลื่นขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และบางผลิตภัณฑ์อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งต้องระมัดระวัง  

ยาบรรเทาและรักษาโรค 

US FDA อนุมัติให้ใช้ไฮยาลูรอนิก แอซิด ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคต้อกระจก บรรเทาอาการตาแห้ง รักษาแผลในปาก และสมานแผลไฟไหม้ 


ผลิตภัณฑ์จากไฮยาลูรอน อันตรายไหม ? 

ไฮยาลูรอน เป็นสารที่ไม่อันตราย แต่เมื่อนำมาใช้ในรูปแบบที่ต่างกัน ก็จะมีวิธีการตรวจสอบที่แตกต่างกันออกไปครับ ก่อนใช้จึงควรตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ โดยสามารถพิมพ์ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือเช็กเลขผลิตภัณฑ์ได้ที่เว็บไซต์ของ อย. คลิกที่นี่ เพื่อเช็กว่าผ่านการรับรอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือนำเข้าอย่างถูกต้อง มีความปลอดภัย 

ในกรณีฟิลเลอร์ ถ้าเป็นฟิลเลอร์แท้ที่เป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด มีความปลอดภัยครับ สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย 

ฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์แท้ ฉีดแล้วปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย

หมอยกตัวอย่างวิธีเช็กฟิลเลอร์ นอกจากเช็กกับเว็บไซต์ อย.แล้ว ยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ดังนี้   

  • กล่องฟิลเลอร์ปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยผ่านการแกะมาก่อน 
  • มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง 
  • เลข Lot. ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์ หลอด ต้องตรงกันทุกจุด
  • มีราคาระบุ และวันหมดอายุระบุอยู่ข้างกล่อง
  • ฟิลเลอร์บางยี่ห้อสามารถสแกน QR Code ตรวจสอบได้ด้วยแอปพลิเคชัน
  • โทรเช็กเลข Lot.กับบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้น ๆ ได้ 
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม 

ไฮยาลูรอนมีผลข้างเคียงไหม ? 

ไฮยาลูรอนที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย โอกาสเกิดผลข้างเคียงแทบไม่มีเลยครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบไฮยาลูรอนที่นำมาใช้ด้วย หมอแบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ  

  • ไฮยาลูรอนแบบทา ควรเลือกที่มีความเข้มข้นของไฮยาลูรอนต่ำกว่า 2% เพราะเป็นปริมาณที่มีประสิทธิภาพในการซึมซาบเพื่อฟื้นบำรุงผิวและไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ หากมากกว่านั้นอาจเกิดการแพ้ เช่น มีอาการบวม หรือผื่นแพ้หลังใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง  
  • ไฮยาลูรอนแบบฉีด หรือฟิลเลอร์ ถ้าฉีดไฮยาลูรอนของแท้ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลครับ ผลข้างเคียงหลังฉีด เช่น อาการบวม รอยแดง รอยเข็ม เป็นอาการปกติครับ สามารถหายได้เอง แต่เพื่อให้มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ 
  • ไฮยาลูรอนแบบกิน เช่น วิตามินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน ปัจจุบันสามารถซื้อหาได้สะดวกทางช่องทางออนไลน์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกยี่ห้อที่จะได้มาตรฐาน ก่อนซื้อต้องพิจารณาดี ๆ หรือขอคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร  

ไฮยาลูรอนกินได้ไหม ? 

ตามที่หมอได้อธิบายไปครับว่า ไฮยาลูรอนมีการนำมาใช้หลากหลายรูปแบบ ถ้าอยู่ในรูปแบบวิตามิน/อาหารเสริม Hyaluronic Acid ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบเม็ด ความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อจะอยู่ที่ความเข้มข้นต่อเม็ด มีงานวิจัยว่าการกิน Hyaluronic Acid แบบเม็ด 120-240 mg/วัน ระยะเวลา 1 เดือน จะช่วยเสริมในเรื่องของผิวพรรณ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่มขึ้น 

นอกจากนี้ยังใช้ในผู้ป่วยโรคข้อกระดูกอักเสบที่รับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid วันละ 80-200 มิลลิกรัม เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวเข่า ซึ่งในกรณีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น


ฉีดสารเติมเต็มจากไฮยาลูรอน ควรรู้อะไรบ้าง ? 

ในประเทศไทย ถ้าพูดถึงสารเติมเต็ม จะหมายถึงฟิลเลอร์ที่เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิดแท้ แต่บางคลินิกจะไม่ใช้คำว่าฉีดฟิลเลอร์ ใช้คำว่าฉีดไฮยาลูรอนก็มีครับ ด้วยเหตุผลทางการค้า    

ข้อควรรู้ การฉีด Hyaluronic Acid (HA)

การฉีด Hyaluronic Acid (HA) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ถือเป็นหัตถการยอดฮิตในคลินิกเสริมความงาม และถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ใช่หัตถการที่อันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ต้องมีการศึกษาหาข้อมูลก่อนฉีดครับ เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกหมอที่มีประสบการณ์ ดูเทคนิคการฉีด รีวิวผลลัพธ์ รวมถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย  

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรรู้อะไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์ (HA) มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง ? 

ฉีดฟิลเลอร์ ข้อดี 

  • ฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ปลอดภัย แพทย์ความงามให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง 
  • เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า ฟื้นฟูและชะลออายุผิวให้ดูอ่อนเยาว์  
  • ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
  • เป็นวิธีที่สะดวก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก หลังฉีดเห็นผลทันที 
  • มีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นให้แพทย์เลือกใช้แก้ปัญหาให้กับคนไข้ 
  • ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ตรงจุด สวยงาม และดูเป็นธรรมชาติ 
  • หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล (ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น มีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ หายได้เอง) 
  • สามารถเติมได้เรื่อย ๆ ปรับแต่งได้ (ถ้าไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกได้ 100%)

ฉีดฟิลเลอร์ ข้อเสีย 

  • ผลลัพธ์จะไม่ได้อยู่ถาวร สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้
  • หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ผลลัพธ์อาจไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ เสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน 
  • ถ้าฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ไฮยาลูโรนิก แอซิด ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว อาจไม่เห็นผลหรือเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น ฟิลเลอร์อักเสบ ติดเชื้อ ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เน่า 

ข้อควรปฏิบัติและการดูแลตัวเองหลังฉีดไฮยาลูรอน

หลังฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติและวิธีการดูแลตัวเอง ควรปฏิบัติตาม เพราะส่งผลต่อการเข้าที่ของฟิลเลอร์ ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นาน 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดไฮยาลูรอน
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดไฮยาลูรอน
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร/วัน 
  • อยู่แต่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดหรืออากาศร้อนจัด
  • ห้ามบีบ นวด แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 
  • งดออกกำลังกายหนัก (48 ชั่วโมงแรก) 
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก 1 เดือน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 

ฉีดไฮยาลูรอนใต้ตา ดีไหม ? เป็นอย่างไร ? 

การฉีดไฮยาลูรอนใต้ตา หรือ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Under Eye Filler) เป็นวิธีที่ปลอดภัย สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เห็นผลได้ทันทีหลังฉีด 

ไฮยาลูรอนใต้ตา มีขนาดโมเลกุลที่เล็ก และยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ความยืดหยุ่น ความคงตัว ความอุ้มน้ำ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิว จึงเห็นผลไวครับเมื่อเทียบกับไฮยาลูรอนในรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลาและการดูแลอย่างสม่ำเสมอถึงจะเห็นผลชัดเจน สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย ทั้งเบ้าตาลึก ตาโหล ริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ   

 ทุกปัญหาใต้ตา แก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์

ฉีดไฮยาลูรอน แล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ? 

โดยปกติหลังฉีดไฮยาลูรอนจะเห็นผลได้ทันทีครับ ถ้าไม่เห็นผลส่วนใหญ่จะเกิดจากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ เลือกยี่ห้อ เลือกรุ่นไม่เหมาะสม ไม่รู้เทคนิคการฉีด หรือคำนวณปริมาณไฮยาน้อยเกินไป ทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล


หากใช้ Hyaluronic Acid ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม จะเป็นอย่างไร ? 

การใช้ Hyaluronic Acid ไม่ว่าจะฉีด ทา หรือรับประทานเข้าไป ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม 

หมอยกตัวอย่างการฉีดไฮยาลูรอน แพทย์ที่มีประสบการณ์นอกจากจะคำนึงความปลอดภัยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต้องออกมาดูเป็นธรรมชาติด้วยครับ การฉีดไฮยาลูรอนใต้ตา โดยเฉลี่ยใช้อยู่ที่ 2-4 CC ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน แต่ถ้าร่องใต้ตาไม่ลึกมาก ฉีดข้างละ 1 CC ก็เพียงพอ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ลดใต้ตาคล้ำ ดูสดใส

ถ้าใช้ไฮยาลูโรนิก แอซิด มากเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดใต้ตาออกมาไม่สวย ดูไม่เป็นธรรมชาติ ใต้ตาเป็นก้อน บวม ย้อย หรือเห็นเป็นถุงใต้ตา ทำให้ต้องมาฉีดสลายฟิลเลอร์ในภายหลัง  


ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ดีไหม ? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?

ไฮยาลูรอน ได้รับการยอมรับในผลลัพธ์และความปลอดภัย แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ก็มีข้อควรระวังครับ เพราะหากไม่เช็กดี ๆ ก็อาจจะเจอของปลอมได้ ดังนั้นจึงควรเช็กแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อหาได้เอง ก็ต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ศึกษาคุณสมบัติ ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อนใช้  

ในส่วนของการฉีดไฮยาลูรอนก็เช่นเดียวกันครับ นอกจากใช้ฟิลเลอร์แท้ สามารถตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตได้ว่าเป็นของแท้แล้ว เทคนิคที่แพทย์ใช้ก็สำคัญครับ แต่ละตำแหน่งมีความยาก-ง่ายในการฉีดที่แตกต่างกัน อาจต้องใช้เทคนิคการขั้นสูง ซึ่งก็ต้องฉีดกับแพทย์ประสบการณ์สูง ถึงจะมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย  

ฉีดฟิลเลอร์คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด 
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ลดร่องแก้มลึก

V Square Clinic คลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์แท้ แกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้าทุกเคส ให้กล่องและหลอดกลับบ้าน ทีมแพทย์มีประสบการณ์สูงด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า  วิเคราะห์ปัญหาแม่นยำ ตรงจุด เลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม มีเทคนิคเฉพาะและใช้ศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ “Fine Art of Filler” เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามในทุกตำแหน่งครับ    


สรุป

ไฮยาลูรอน เป็นสารจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ไฮยาลูรอนจะลดน้อยลง จึงมีการคิดค้นและผลิตไฮยาลูรอนขึ้นมาทดแทน ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ทา กิน และฉีด เพื่อแก้ปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย ร่องลึก หรือฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูมีสุขภาพดี 

แต่ละรูปแบบของ Hyaluronic Acid แตกต่างกันที่วิธีการใช้ ขนาดโมเลกุล ปริมาณความเข้มข้นที่ใช้ รวมถึงระยะเวลาเห็นผล ดังนั้นก่อนใช้ไฮยาลูรอนจึงต้องรู้ปัญหาของตนเองก่อนครับ อยากแก้ไขจุดไหน เพื่อจะได้เลือกรูปแบบไฮยาลูรอนที่เหมาะสม ซึ่งถ้าต้องการวิธีที่สะดวกและเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว การฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดไฮยาลูรอน ใช้ระยะเวลาไม่นานและเห็นผลได้หลังทำทันทีครับ 


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน