Coolsculpting
Coolsculpting วิธีกำจัดไขมันส่วนเกินที่ถูกพูดถึงมากในปัจจุบัน เพราะถูกจัดอยู่ในสุดยอดนวัตกรรมการกำจัดไขมันที่เห็นผลเร็ว มีความปลอดภัย ใครที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน และกำลังมองหาวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง Coolsculpting เป็นตัวเลือกที่ดี ที่หมอแนะนำครับ
ในบทความนี้ หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับ Coolsculpting คืออะไร ? หลังทำเห็นผลจริงไหม ? ขั้นตอนการทำเป็นอย่างไร เจ็บไหม ? ต่างจากการดูดไขมันอย่างไร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง? รวมถึงข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำที่ไหนดี ต้องทำกี่ครั้ง กี่วันเห็นผล ? ราคาเท่าไร แพงไหม ? ทั้งหมดนี้หมอรวบรวมมาตอบไว้ให้แล้วครับ
สารบัญ coolsculpting
Coolsculpting คืออะไร ?
Coolsculpting คือ นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นติดลบ เป็นการทำลายไขมันผ่านกระบวนการ ไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ที่คิดค้นและพัฒนาโดย นายแพทย์ Dieter Manstein และ นายแพทย์ R.Rox Anderson จากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ได้อย่างถาวร
ข้อดีของ Coolsculpting คือมีความปลอดภัยสูง ไม่อันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ เนื่องจาก Coolsculpting มีระบบ Freeze detect ที่ช่วยให้เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป
นอกจากนี้ในระหว่างการทำ Coolsculpting คนไข้สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปด้วยได้ เช่น ใช้สมาร์ทโฟน ดูหนัง หรืออ่านหนังสือ ที่สำคัญหลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
Cryolipolysis คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Coolsculpting อย่างไร ?
Cryolipolysis คือชื่อเทคโนโลยี ส่วน Coolsculpting เป็นชื่อเครื่องครับ โดยเครื่อง Coolsculpting มีหลักการทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีแช่แข็งไขมัน หรือ Cryolipolysis เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันใต้ผิวหนังด้วยความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแบบ Non-invasive จึงไม่ทำให้เกิดรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เจ็บตัว
เป็นเครื่องมือแรกและเครื่องเดียวในขณะนี้ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดไขมันในร่างกาย (ไม่ใช่การลดน้ำหนัก) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก US. FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา และ อย.ไทย
กลไกการทำงานของเครื่อง Coolsculpting ช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างไร ?
เครื่อง coolsculpting จะทำงานโดยส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11°C ลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน เปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ทำให้ไขมันตาย ก่อนจะสลายตัวไปตามระบบของร่างกาย และถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ
จากนั้นเซลล์ไขมันที่เหลือจะเรียงตัวใหม่ครับ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้รูปร่างได้สัดส่วนมากขึ้น การันตีผลลัพธ์ ด้วยงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาว่า Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้จริง โดยไขมันลดลงได้ถึง 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง
Coolsculpting ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
โปรแกรม Coolsclupting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายด้วยความเย็นแบบเฉพาะจุด สามารถสลายไขมันส่วนเกินได้หลายจุด แต่ที่ได้รับความนิยม คือบริเวณ หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง) ต้นแขน ต้นขา สะโพก โดยแต่ละส่วนจะใช้หัวเครื่องที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมครับ
Coolsculpting หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง)
ไขมันหน้าท้อง หรือ ห่วงยางรอบเอว เป็นตำแหน่งที่มีไขมันสะสมอยู่มากครับ หลายคนพยายามควบคุมอาหาร รวมถึงออกกำลังกาย แต่ไขมันส่วนเกินที่สะสมในบริเวณนี้ไม่ได้หายไปง่าย ๆ เนื่องจากเป็นไขมันดื้อที่ลดยาก จึงต้องใช้เวลา และไม่ควรหักโหมออกกำลังกาย หรืออดอาหาร เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียสุขภาพได้ แต่การลดไขมันด้วยเครื่อง Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สามารถกำจัดไขมันดื้อบริเวณนี้ได้อย่างรวดเร็วครับ
โปรแกรม Coolsculpting สามารถกำจัดเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้องได้ตั้งแต่ครั้งแรก สามารถลดไขมันลงได้ถาวร ช่วยปรับสัดส่วน รูปร่างให้เข้าที่ได้เร็วครับ
Coolsculpting สะโพก
บริเวณสะโพกใหญ่ เป็นอีกจุดที่ Coolsculpting สามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกได้ อาจจะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แต่ช่วยลดขนาดสะโพกให้เล็กลงได้ครับ ทำให้รูปร่างสมส่วนสวยงามมากขึ้น
Coolsculpting ต้นขา
ในส่วนของไขมันส่วนเกิน บริเวณต้นขา เทคโนโลยี Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปอย่างถาวร ทั้งต้นขาด้านในและต้นขาด้านนอก
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขาเบียด ต้นขาใหญ่ ไม่เรียวสวย จากไขมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ลดยากเช่นกัน แม้หลายคนจะพยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แต่ยังมีไขมันสะสมอยู่มากครับ
Coolsculpting แขน
ออกกำลังกายหนักแต่ต้นแขนก็ไม่ลง ใช้ Coolsculpting ช่วยได้ครับ บริเวณต้นแขนเป็นตำแหน่งหนึ่งในร่างกายที่มีไขมันส่วนเกินสะสมมากไม่ต่างจากต้นขา เมื่อมีไขมันสะสมอยู่มาก จึงทำให้เกิดปัญหาต้นแขนใหญ่ ต้นแขนหย่อนไม่กระชับ และลดลงได้ยาก
Coolsculpting ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี ในการกำจัดไขมันต้นแขนได้แบบถาวร และเห็นผลรวดเร็วครับ
ทั้งนี้ผู้ที่เหมาะกับการทำ Coolsclupting ควรมีปัญหาไขมันส่วนเกินในระดับปานกลาง (BMI < 35) ที่พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมอยู่ รวมไปถึงคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดและกระชับสัดส่วนก็ทำได้เช่นกันครับ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกทำ Coolsculpting
ก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting ต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนครับ แม้ว่าการทำ CoolSculpting จะสามารถช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันลงถาวร แต่ในกรณีที่คนไข้ มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป (ค่า BMI มากกว่า 35 ) การทำ CoolSculpting จะเห็นผลน้อยและช้า การดูดไขมันอาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งครับ
การสลายไขมัน มีวิธีการใดบ้าง ?
หากต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน นอกจาก CoolSculpting ยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้โดยมีทั้งข้อดี – ข้อเสีย และระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงราคาค่าใช้จ่าย ความคุ้มค่าในแต่ละปัญหาของแต่ละบุคคลด้วยครับ หมอขอยกตัวอย่างวิธีสลายไขมันส่วนเกิน ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ดังนี้
1. Coolwave สลายไขมัน
Coolwave เป็นชื่อเรียกเฉพาะที่ตั้งขึ้นครับ เป็นหนึ่งเทคโนโลยีกำจัดไขมันด้วยความเย็น ร่วมกับการใช้คลื่น Shock waves เพื่อกำจัดไขมัน เป็นเทคโนโลยีจากเยอรมัน มีกลไกการทำงานที่ต่างกับ Coolsculpting รวมถึงหัวเครื่องที่ใช้ก็ยังแตกต่างกัน โดย Coolsculpting มีหัวหลากหลายขนาดที่สามารถปรับเข้าสัดส่วนตามร่างกาย สามารถกำจัดไขมันเฉพาะจุดได้ดี หากจัดอันดับ Coolsculpting ถือเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในตอนนี้ครับ
2. ดูดไขมัน
การดูดไขมันจะเหมาะกับผู้ที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ ปัจจุบันเครื่องดูดไขมันมีหลายเครื่องครับ แต่หลักการคือใช้พลังงานที่แตกต่างกันในการทำให้ก้อนไขมันแตกตัว จากนั้นจะดูดไขมันออกมาจากร่างกาย อาจเป็นวิธีที่ง่าย เห็นผลเร็ว หากคนไข้ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวช้ำ และมีเวลาสำหรับการพักฟื้นนานประมาณ 1 เดือน
3. ฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน
การฉีดเมโสแฟต เป็นการใช้สารต่าง ๆ ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมัน ฉีดเข้าตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด นิยมใช้เพื่อลดแก้มลดเหนียงครับ เนื่องจากมีปริมาณไขมันไม่มาก หากต้องการฉีดส่วนอื่น ๆ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ก็จะต้องใช้ปริมาณตัวยามากขึ้น และอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งไขมันหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา จัดอยู่ในกลุ่มไขมันดื้อที่ลดยากครับ
Coolsculpting กับ การดูดไขมัน มีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร ?
การทำ Coolsculpting และการดูดไขมัน เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน มีจุดเด่นที่แตกต่างกันครับ
การดูดไขมัน เป็นหัตถการที่ทำให้เสียเลือด เกิดแผล ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก สามารถดูดไขมันจำนวนมาก ๆ ออกได้เร็ว แต่ก่อนทำต้องฉีดยาชา หรือในกรณีที่ต้องดูดไขมันจำนวนมาก อาจต้องใช้ยาสลบ ในจุดนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงครับ รวมถึงหลังดูดไขมันผิวหนังจะไม่เรียบเนียน มองเห็นเป็นคลื่น
หากคนไข้ไม่อยากรับความเสี่ยงนี้ หรือไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากมีแผล การทำ Coolsculpting จะตอบโจทย์มากกว่าเพราะไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องพักฟื้น หลังทำผิวจะตึงกระชับ เพราะการสลายไขมันด้วยความเย็นจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผิวบริเวณที่ทำจึงมีความกระชับ โดยจะเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน ที่สำคัญคือการสลายไขมันด้วยความเย็น มีราคาถูกกว่าการดูดไขมันมากครับ
ทำ Coolsculpting เจ็บไหม ?
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ากระบวนการสลายไขมันด้วย coolsculpting ไม่ทำให้เกิดบาดแผล และไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ ดังนั้นข้อกังวลเรื่องความเจ็บในขั้นตอนระหว่างทำไม่มีครับ หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ
อาการหลังทำ Coolsculpting
จากประสบการณ์ที่หมอเคยลองทำด้วยตัวเอง จะมีปวด ๆ เมื่อย ๆ ตอนนวดหลังจากแช่แข็งไขมัน (ซึ่งจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ) ปวด เมื่อย ไม่นานครับ ประมาณ 2 นาทีเท่านั้น ในบางเคสอาจมีอาการปวดระบมในช่วง 7-10 วันหลังทำจะคล้าย ๆ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ในจุดที่ทำ
นอกจากนี้ ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกอาจจะมีอาการบวมในจุดที่ทำ และจะมีอาการชาและคันเล็กน้อยในช่วง 1 เดือนแรกครับ
ทำ Coolsculpting มีผลข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร ?
การทำ Coolsculpting มีความปลอดภัยสูงครับ ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ตัวเครื่องผ่านการรับรองเรื่องคุณภาพมาตรฐาน US FDA approved และมีการใช้ Coolsculpting แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ส่วนผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังทำจากกระบวนการแช่แข็ง มีครับแต่เป็นเรื่องปกติ เช่น
- ผิวเขียวช้ำ : เนื่องจาก coolsculpting แช่แข็งไขมัน จึงจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ซึ่งหลังนวดอาจมีอาการเขียวช้ำได้ในบางเคส โดยเฉพาะคนผิวขาว ผิวบาง
- เกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนครับ
- บวมในจุดที่ทำ : หลังทำ Coolsculpting จะมีอาการบวมในจุดที่ทำ ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก เนื่องจากยังมีเซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ ร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ใน 3-4 สัปดาห์ อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงเอง และจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลงด้วยครับ
นอกจากนี้ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่สามารถเกิดได้แต่มีโอกาสเกิดน้อยมาก (อัตรา 1:20,000 เคส) ได้แก่ การเกิด Paradoxical Adipose Hyperplasia คือก้อนไขมันใหญ่ขึ้นหลังทำ ไม่ยุบลง ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan บริษัทผู้ผลิต Coolsculpting มีระบบรับประกัน จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับ
Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
การทำ Coolsculpting 1 ครั้ง จะสลายเซลล์ไขมันได้ 20-30% 1 หนีบสามารถกำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ
ทำ Coolsculpting กี่วันเห็นผล ?
หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและค้างอยู่ โดยใน 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้น โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับสามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น
Coolsculpting รีวิวผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ
ตัวอย่างรีวิวผลลัพธ์หลังการทำ CoolSculpting
การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
การทำ CoolSculpting จะคล้ายกับการทำทรีทเม้นท์ทั่วไป ไม่ได้เป็นการผ่าตัด ดังนั้นขั้นตอนการเตรียมตัวจึงไม่ยุ่งยากครับ คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกเพื่อทำการตรวจประเมินว่าสามารถสลายไขมันด้วยการทำ Coolsculpting ได้หรือไม่ หากทำได้ หมอจะนัดคิวแล้วก็สามารถทำได้เลยครับ
ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting
หลังทำ CoolSculpting ไม่มีข้อห้าม หรือวิธีการดูแลตัวเองพิเศษครับ คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ส่วนใครที่อยากรักษาผลลัพธ์ให้สัดส่วนสวยงาม สุขภาพดีระยะยาว หมอแนะนำให้หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นอีก
ทำ Coolsculpting แล้วไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
หากทำ coolsculpting แล้วไม่ได้ผล มี 2 กรณีครับ
- Coolsculpting ของปลอม ปัจจุบันมีเครื่องลอกเลียนแบบ ค่อนข้างมากครับ เพราะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม ซึ่งเครื่องลอกเลียนแบบที่ไม่มาตรฐาน แน่นอนว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ขณะเดียวกันยังอาจเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) ได้ด้วย
- คนไข้ไม่เหมาะกับการทำ coolsculpting ในเคสที่มีปริมาณไขมันมากเกินไป พอทำมาแล้วเห็นผลไม่ชัดเจน ไขมันไม่หายไปตามที่คาดหวัง (ซึ่งคลินิกที่ดีแพทย์จะต้องประเมินและแนะนำว่าคนไข้เหมาะกับ coolsculpting หรือไม่ อย่างตรงไปตรงมา)
ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไร ไม่ให้ผิดหวัง
ปัจจุบันมีเครื่อง Coolsculpting ปลอมอยู่มากครับ เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมั่นใจว่าใช้เครื่อง Coolsculpting แท้ที่มีคุณภาพ ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการทำโปรแกรม Coolsculpting โดยตรง แนะนำให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกครับ
1. เลือกคลินิกได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ
ควรตรวจสอบกว่าคลินิกนั้น เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตรับรองที่ถูกต้องหรือไม่ รวมถึงบรรยากาศคลินิกควรสะอาด ไม่คับแคบ มีเครื่องมือทันสมัยพร้อมให้บริการ และใช้เครื่อง Coolsculpting ของแท้เท่านั้น เพื่อได้ผลลัพธ์อย่างแท้จริงและปลอดภัย
2. ต้องดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ
ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยความเย็น ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ หรือ Specialist ที่ผ่านการอบรมทำ Coolsculpting มาโดยเฉพาะ เพื่อประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคส พร้อมติดตามผลหลังทำ
3. ราคาสมเหตุสมผล
อัตราค่าบริการ Coolsculpting ควรอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงเกินไป เนื่องจากหากเลือกทำที่มีราคาถูกเกินไป อาจเสี่ยงที่จะไปเจอกับเครื่องเลียนแบบหรือเครื่องปลอมได้
4. มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
รีวิวต่าง ๆ จากผู้เคยใช้บริการ เป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา หากยังไม่แน่ใจว่าทำ Coolsculpting เห็นผลหรือไม่ ให้ดูจากรีวิวของคนไข้ที่เคยมาใช้บริการครับ หากทำแล้วไม่เห็นผล หรือมีผลข้างเคียงก็จะมี feedback กลับมาให้เห็น สามารถเช็กที่หน้ารีวิวของ Page Facebook หรือกระทู้ต่าง ๆ ได้
ทำ Coolsculpting ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
ที่ V Square Clinic จะดูแลและให้คำแนะนำโดยแพทย์ หรือ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ CoolSculpting โดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านการทำ CoolSculpting มานานกว่า 3 ปี นอกจากนี้ ที่ V Square Clinic ยังอำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ดังนี้
- ให้บริการสลายไขมัน CoolSculpting โดยทำในห้องที่มีขนาดเหมาะสม สะดวกสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดอย่างน้อยประมาณ 20 ตารางเมตร
- ในช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ทำ CoolSculpting ทาง V Square Clinic เน้นมอบความสบายให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด จึงเลือกใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อป ที่มีความกว้างมากเป็นพิเศษ
- เพิ่มเทคนิคพิเศษในขั้นตอนการทำ CoolSculpting ที่จะช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
- ช่วงโปรโมชั่นการันตีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับราคาที่อื่น ๆ ในท้องตลาด โดยไม่มีโปรโมชั่นแอบแฝง
- มีรีวิวจากดารา เซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียง เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
Coolsculpting ราคาโปรโมชั่น 2024
ราคาการทำ Coolsculpting จะขึ้นอยู่กับจำนวนหนีบที่ใช้ครับ (1 หนีบ = 1 ฝ่ามือ) ที่ V Square Clinic ราคาต่อ 1 หนีบอยู่ที่ 8,500.- พร้อมเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติครับ
Promotion CoolSculpting
ปัจจุบัน ที่ V Square Clinic มีบริการ CoolSculpting อยู่ 3 สาขา
- สาขาเกตเวย์เอกมัย โทรนัดคิว 099 005 9000
- สาขา สยามสแควร์วัน (Bangkok) โทรนัดคิว 093 110 9000
- สาขาเซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000
Q&A Coolsculpting
1. ทำ Coolsculpting ได้ผลจริงไหม ?
เครื่อง Coolsculpting ของแท้ สามารถลดไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้จริงครับ
มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)
2. ทำ Coolsculpting เหนียงได้ไหม ?
Coolsculpting เหนียง สามารถทำได้ครับ โดยใช้หัว Mini แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม แนะนำทำ Hifu ลดเหนียงครับ เพราะสามารถช่วยเรื่องยกกระชับได้ด้วย หรือในกรณีที่มีไขมันใต้คางมาก ๆ สามารถฉีดเมโสแฟต เพื่อสลายไขมัน ได้เช่นกัน ราคาคุ้มค่า และเห็นผลลัพธ์ได้ดีเช่นกัน
3. ผู้ที่ไม่เหมาะกับทำ Coolsculpting มีไหม ?
หมอไม่แนะนำให้ทำ Coolsculpting ในกลุ่มคนเหล่านี้
- หญิงตั้งครรภ์
- หญิงที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่แพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น
- ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่ติดอุปกรณ์ใด ๆ ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดในบริเวณที่จะทำการรักษา
สรุป
Coolsculpting นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลรูปร่างสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมและต้องการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน สามารถสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร ในจุดต่าง ๆเช่น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา ใครที่สนใจสลายไขมันด้วยความเย็น หมอขอเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญครับ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และตัดสินใจทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น