Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ลดพุงอย่างปลอดภัยและเห็นผล

Categories
Coolsculpting
สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

หมอแนะนำการทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น สำหรับผู้ที่อ้วนลงพุง มีปัญหาไขมันหน้าท้อง พุงยื่น พุงย้อย พุงย้วย ไม่กระชับ หมั่นออกกำลังกายและคุมอาหารแล้วแต่ไม่เห็นผลหรือเห็นผลช้า อยากได้วิธีการลดพุงอย่างเห็นผลและปลอดภัย ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันได้อย่างถาวรครับ

สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังหาข้อมูล สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น คืออะไร ? เป็นอย่างไร ? ดีไหม ? เห็นผลแค่ไหน ? ต่างจากการดูดไขมันอย่างไร ? กี่วันเห็นผล ? กี่ครั้งเห็นผล ? ราคาเท่าไหร่ ? ทำที่ไหนดี ? หมอตอบทุกข้อสงสัยในบทความนี้ครับ

สารบัญ สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

  1. อ้วนลงพุง ปัญหาไขมันหน้าท้อง เกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ?
  2. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น คือ
  3. Coolsculpting คือ
  4. ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น เป็นอย่างไร ?
  5. Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ดีไหม ?
  6. ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กับการดูดไขมัน
  7. ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กับการฉีด Meso Fat หน้าท้อง
  8. ข้อควรรู้ก่อนการสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น
  9. Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ช่วยสร้างซิกแพ็คได้จริงไหม ?
  10. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นเจ็บไหม ?
  11. ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น 1 ครั้งใช้เวลานานเท่าไร ?
  12. ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กี่ครั้งจึงจะเห็นผล
  13. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น รีวิว
  14. การปฏิบัติตัวหลังทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น
  15. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กี่วันเห็นผล
  16. ข้อดี – ข้อเสียของการทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น
  17. นอกจากการสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นแล้ว สามารถทำตำแหน่งไหนได้อีกบ้าง ?
  18. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ควรทำตำแหน่งอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยเลยหรือไม่ ?
  19. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ราคา
  20. สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ที่ไหนดี ?
  21. โปรโมชั่น Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic

อ้วนลงพุง ปัญหาไขมันหน้าท้อง เกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ?

อ้วนลงพุง

ปัญหาไขมันหน้าท้อง หรือที่เรียกว่า “พุง” เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงและปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายจะสามารถเผาผลาญได้หมด ทำให้เกิดไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง รอบเอวขยายใหญ่ขึ้น พุงยื่น พุงย้อย นำไปสู่การเกิดโรคอ้วนและโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น

วิธีการแก้ไขปัญหาไขมันหน้าท้อง สามารถทำได้ด้วยตัวเองเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร คุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสะสมของไขมันและป้องกันการก่อตัวของไขมันใหม่ แต่ต้องมีวินัย ทำต่อเนื่องเป็นประจำ และใช้ระยะเวลานานจึงจะเห็นผลครับ

คนไข้ส่วนใหญ่มักจะคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลไม่ชัดเจน เพราะพุงหรือบริเวณหน้าท้องเป็นส่วนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดและลดยาก หมอแนะนำให้ใช้หัตถการทางการแพทย์ เช่น การทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น การฉีดเมโสแฟตเร่งการสลายไขมัน หรือการดูดไขมัน ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว   

VSQ Tips

ข้อควรรู้ : จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพ (The Office of Disease Prevention and Health Promotion ; ODPHP) ระบุไว้ว่า การออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่เพื่อลดหน้าท้อง เช่น การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน การเดินเร็ว เป็นต้น ควรปฏิบัติอย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์ จึงจะเห็นผล


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น คือ

การสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น คือ การใช้ความเย็นเข้าไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง เพื่อแช่แข็งไขมัน ให้เซลล์ไขมันตายและถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ ช่วยกำจัดไขมันหน้าท้องที่ลดยาก ปรับแต่งสัดส่วนให้สวยงาม 

ปัจจุบันเทคโนโลยีสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นมีหลายยี่ห้อจากหลากหลายประเทศ โดยเครื่องที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลก คือ เครื่อง Coolsculpting ครับ 


Coolsculpting คือ

Coolsculpting

Coolsculpting คือ เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นแบรนด์แรกของโลก คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Zeltiq ร่วมกับมหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 งานวิจัย รับรองว่า Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง หรือกำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC / 1 หนีบ  เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมปานกลาง ต้องการลดพุง ลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง


ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น เป็นอย่างไร ?

Coolsculpting หน้าท้อง

การทำ Coolsculpting หน้าท้อง เป็นการใช้ความเย็นสลายไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ขั้นตอนแรกจะใช้หัว Applicator หนีบชั้นไขมันเข้าไปในหัว แล้วปล่อยความเย็น -11°C นาน 35 นาที เพื่อ Freeze เซลล์ไขมันให้เป็นน้ำแข็ง จากนั้นเมื่อครบเวลา ผู้เชี่ยวชาญจะทำการนวดให้ก้อนไขมันแตกละเอียดและตาย โดยที่ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยสลายเซลล์ไขมันที่ตายแล้วและขับออกไปเองตามธรรมชาติครับ 


Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ดีไหม ?

การทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น เห็นผลดีในการกำจัดเซลล์ไขมันครับ เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันปานกลาง ต้องการลดสัดส่วน หลังทำผิวจะกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูดไขมันให้เจ็บตัว ที่สำคัญคือไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น ตัวเครื่องมีความปลอดภัย การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานสากล ใช้แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก


ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กับการดูดไขมัน

ดูดไขมัน VS Coolsculpting

การดูดไขมันหน้าท้อง เหมาะสำหรับเคสที่ BMI>35 และต้องการกำจัดไขมันในปริมาณมาก หลังทำสัดส่วนจะยุบลงทันที แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บและความเสี่ยงจากการใช้ยาสลบหรือยาชา รวมทั้งอาจทำให้ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน มีแผลและรอยบวมช้ำค่อนข้างมาก ต้องใช้ระยะเวลานานในการพักฟื้น

หากคนไข้ BMI<35 ไม่จำเป็นต้องดูดไขมัน เนื่องจากการทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น สามารถให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และผลข้างเคียงต่าง ๆ น้อยกว่ามาก หลังทำผิวหนังจะเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่มีรอยแผล ลดไขมันสะสมหน้าท้องได้อย่างเห็นผลและปลอดภัยครับ

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจลดไขมันหน้าท้องด้วยวิธีไหนดี หมอมีเกณฑ์การคำนวณค่า BMI เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการทำ Coolsculpting กับการดูดไขมัน ดังนี้

คำนวณค่า BMI
Coolsculpting เหมาะกับคนที่ BMI<35 ส่วนการดูดไขมัน เหมาะกับคนที่ BMI>35

ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กับการฉีด Meso Fat หน้าท้อง

เมโสแฟต VS Coolsculpting

การฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมันลงไปในชั้นไขมัน เพื่อทำให้ไขมันแตกตัว และถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ส่งผลให้ไขมันหน้าท้องลดลง แต่ไม่สามารถหวังผลได้แน่นอน ไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันปริมาณมาก หรืออ้วนมาก ๆ เนื่องจากจะเห็นผลในการฉีดสลายไขมันประมาณ 10% ต่อการฉีด 1 ครั้ง ทำแล้วอาจรู้สึกว่าเห็นผลไม่ชัดเจนครับ

หากคนไข้ต้องการเห็นผลชัดเจน แนะนำให้ทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น เซลล์ไขมันจะตายและลดจำนวนลงแบบถาวร 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง คาดหวังผลลัพธ์ได้แน่นอน 


ข้อควรรู้ก่อนการสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

ก่อนทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น คนไข้ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินรูปร่างว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพราะเครื่อง Coolsculpting จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI<35) หากคนไข้มีปริมาณไขมันมากเกินไป (BMI>35) อาจทำแล้วเห็นผลไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ไม่คุ้มค่าครับ หมอจะแนะนำวิธีอื่นที่เหมาะสมหรือแนะนำให้ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ Coolsculpting ครับ


Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ช่วยสร้างซิกแพ็คได้จริงไหม ?

การทำ Coolsculpting สามารถช่วยสร้างซิกแพคได้จริงครับ เนื่องจากตัวเครื่องมีหัวที่ใช้กำจัดไขมันหลายรูปทรงและหลายขนาด สามารถออกแบบรูปทรงการลดไขมันได้คล้าย ๆ การปั้น (Sculpting) ทำให้หลายคลินิกนำมาใช้ในการปั้นซิกแพค ซึ่งจะเห็นผลดีในคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว และมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องที่ไม่สามารถลดเองได้ 

Coolsculpting Six Pack
หัว CoolSmooth Pro ขนาดกว้าง 14 cm. ยาว 18 cm. พื้นที่ประมาณ 38 ตารางนิ้ว สามารถใช้ปั้นซิกแพคได้

หลังทำ Coolsculpting หน้าท้องจะค่อย ๆ กระชับขึ้น เห็นร่องซิกแพคชัดและหุ่นเฟิร์มขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 3-4 เดือนครับ   


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นเจ็บไหม ?

สำหรับการทำโปรแกรม Coolsculpting ลดไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ขณะทำจะรู้สึกเย็น ๆ เหมือนเอาน้ำแข็งมานาบที่ผิว ประมาณ 10 นาทีแรก จากนั้นจะรู้สึกชา และไม่รู้สึกเจ็บขณะทำครับ


ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น 1 ครั้งใช้เวลานานเท่าไร ?

ระยะเวลาในการทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องในแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและหัวที่ใช้ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที/1 จุดที่ทำ ถือเป็นวิธีการลดไขมันที่สะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานเลยครับ


ทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กี่ครั้งจึงจะเห็นผล

การสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น โปรแกรม Coolsculpting เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ และสามารถกลับมาทำซ้ำได้ในจุดเดิม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น  


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น รีวิว

รีวิวลดไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น
รีวิว CoolSculpting หน้าท้อง ที่ V Square Clinic
รีวิวลดไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น
ตัวอย่างรีวิว CoolSculpting ก่อนและหลังทำบริเวณหน้าท้อง

การปฏิบัติตัวหลังทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

หลังทำ Coolsculpting หน้าท้อง อาจมีอาการคล้ายปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่จะค่อย ๆ หายไปเอง ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นครับ คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และหากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน หมอแนะนำให้คุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย เพื่อคงรูปร่างไว้และป้องกันไม่ให้ไขมันกลับมาสะสมซ้ำได้อีก


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น กี่วันเห็นผล

หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นจะเริ่มเห็นว่าพุงค่อย ๆ ยุบลง หน้าท้องกระชับขึ้นใน 3-4 สัปดาห์ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 3 เดือนครับ 


ข้อดี – ข้อเสียของการทำ Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

ข้อดีของการทำ Coolsculpting หน้าท้อง

  • สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
  • ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน ระหว่างทำสามารถอ่านหนังสือ หรือดูซีรีส์ได้
  • ใช้ความเย็นสลายไขมันโดยไม่กระทบกับเซลล์หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ
  • มีระบบ Freeze detect ป้องกันการเกิดผิวไหม้จากความเย็น
  • หลังทำไม่มีแผล ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสียของการทำ Coolsculpting หน้าท้อง

  • สัดส่วนและพุงไม่ได้เล็กลงทันที ต้องรอเวลาให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อนจึงจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่
  • หากละเลยการดูแลตัวเอง ไม่คุมอาหารและออกกำลังกาย เซลล์ไขมันหน้าท้องที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด (ไม่เพิ่มจำนวน) ทำให้กลับมาอ้วนลงพุงได้เหมือนเดิม

นอกจากการสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นแล้ว สามารถทำตำแหน่งไหนได้อีกบ้าง ?

เครื่อง CoolSculpting มีหัวสำหรับใช้กำจัดไขมันหลายขนาด ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามบริเวณที่ต้องการขจัดไขมัน ซึ่งนอกจากบริเวณหน้าท้องแล้ว ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่สามารถสลายไขมันสะสมด้วยความเย็นได้ ดังนี้ 

ตำแหน่งต่าง ๆ ที่สามารถสลายไขมันด้วยความเย็นได้

สลายไขมันด้วยความเย็นตำแหน่งไหนได้บ้าง

สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ควรทำตำแหน่งอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยเลยหรือไม่ ?

นอกจากจะสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็นแล้ว คนไข้ยังสามารถทำตำแหน่งอื่น ๆ เช่น ต้นแขน ต้นขา ห่วงยาง ควบคู่กันในครั้งเดียวได้ เพื่อผลลัพธ์ของรูปร่างที่สวยงาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้และการประเมินของแพทย์ครับ


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ราคา

การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting ราคาไม่แพงครับ เริ่มต้นที่ 8,500.-/ 1 หนีบ (1 ฝ่ามือ) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำและโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก ก่อนทำหมอจะเป็นผู้ประเมินจำนวนหนีบที่เหมาะสมให้กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาครับ


สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ที่ไหนดี ?

ก่อนตัดสินใจสลายไขมันด้วยความเย็นที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลที่จำเป็นและเลือกคลินิกสลายไขมันหน้าท้องที่ได้มาตรฐาน โดยพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ห้องทำหัตถการกว้างขวาง สะดวกสบาย
  • ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมทำ Coolsculpting มาโดยเฉพาะ ประเมินการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคส
  • มีรีวิวของผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เป็นกลาง ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ
  • การบริการดี แพทย์และเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและให้บริการด้วยความใส่ใจ
  • ราคาสมเหตุสมผล 

โปรโมชั่น Coolsculpting สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic

โปรโมชั่น Coolsculpting

โปรแกรม coolsculpting
โปรโมชั่น สำหรับผู้ติดตาม Line@ และมีสติกเกอร์ “น้อง ดักกี้ V Square” รับของแถมเพิ่มฟรี

  • 1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
  • 2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
  • 4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
  • 6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
  • 10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ

ของแถมมูลค่า 2,000 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้

  • วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
  • มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
  • เมโสแฟต Phytobella 6 CC
  • โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
  • Hifu Ultraformer III 50 Line

สรุป

การสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น (Coolsculpting หน้าท้อง) เป็นหัตถการที่ช่วยกำจัดไขมันได้ถึงระดับเซลล์อย่างปลอดภัยและเห็นผล คุ้มค่าคุ้มราคาเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้ามาให้หมอประเมินรูปร่างก่อนได้ครับ ที่ V Square Clinic แพทย์มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมการใช้เครื่องมือ สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมให้กับคนไข้ได้


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา

สลายไขมันด้วยความเย็น เทคโนโลยีช่วยลดและขจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร และเห็นผล

Categories
Coolsculpting
สลายไขมันด้วยความเย็น1000X860

ปัจจุบัน เทรนด์การ สลายไขมันด้วยความเย็น 2023 หรือ Coolsculpting ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นวิธีการกำจัดไขมันสะสมที่ลดยากได้อย่างเห็นผล ก่อนทำควรรู้อะไรบ้าง กำจัดไขมันด้วยความเย็น ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันได้จริงไหม ? ใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะเห็นผล แตกต่างจากวิธีกำจัดไขมันวิธีอื่น ๆ อย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? ทุกข้อสงสัยหมอรวบรวมมาตอบให้ในบทความนี้ครับ

สารบัญ สลายไขมันด้วยความเย็น

  1. เซลล์ไขมัน คืออะไร สามารถลดและขจัดเซลล์ไขมันด้วยวิธีการไหนได้บ้าง ?
  2. สลายไขมันด้วยความเย็น คือ
  3. สลายไขมันด้วยความเย็นดีไหม ?
  4. สลายไขมันด้วยความเย็น ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
  5. การสลายไขมันด้วยความเย็น กับ การดูดไขมัน
  6. เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น มีอะไรบ้าง ? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร ?
  7. Coolsculpting คือ
  8. สลายไขมันด้วยความเย็น ได้ผลจริงไหม ?
  9. ข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น
  10. ข้อเสียของการสลายไขมันด้วยความเย็น
  11. การเตรียมตัวก่อนการสลายไขมันด้วยความเย็น
  12. การดูแลตัวเองหลังการสลายไขมันด้วยความเย็น
  13. สลายไขมันด้วยความเย็น กี่วันเห็นผล ?
  14. สลายไขมันด้วยความเย็น กี่ครั้งเห็นผล ?
  15. สลายไขมันด้วยความเย็น มีผลข้างเคียงไหม ?
  16. สลายไขมันด้วยความเย็นแล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
  17. สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ไหนดี ? 
  18. สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic
  19. สลายไขมันด้วยความเย็น ราคา
  20. สลายไขมันด้วยความเย็น โปรโมชั่น
  21. สลายไขมันด้วยความเย็นรีวิว
  22. Q&A สลายไขมันด้วยความเย็น

เซลล์ไขมัน คืออะไร สามารถลดและขจัดเซลล์ไขมันด้วยวิธีการไหนได้บ้าง ?

เซลล์ไขมัน

เซลล์ไขมันหรือที่เรียกว่า Adipocytes เป็นเซลล์ในร่างกายที่กักเก็บพลังงานในรูปแบบของไขมัน พบได้ทั่วร่างกาย และมีความเข้มข้นมากที่สุดในเนื้อเยื่อไขมันซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง (ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง) และรอบอวัยวะภายใน (ไขมันช่องท้อง) เมื่อร่างกายต้องการพลังงาน ฮอร์โมนจะส่งสัญญาณให้เซลล์ไขมันปล่อยไขมันที่สะสมไว้ออกมาสู่กระแสเลือด ซึ่งเซลล์อื่นจะนำไปใช้เป็นพลังงานต่อไป

การลดเซลล์ไขมัน สามารถทำได้โดยการควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน น้ำตาล และโซเดียม ควบคู่กับการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเซลล์ไขมันและไขมันส่วนเกินที่สะสมในร่างกายได้ แต่ต้องอาศัยความมีวินัย และใช้ระยะเวลานานถึงจะเห็นผล

VSQ Tips

ข้อควรรู้ : ในร่างกายมนุษย์จะมีเซลล์ไขมันประมาณ 40 พันล้านเซลล์ สามารถขยายตัวได้จากการกักเก็บและสะสมพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายย่อยสลายไม่หมด ซึ่งการกำจัดไขมันถาวรไม่ให้กลับมาขยายหรือแตกตัวได้ คือต้องเอาเซลล์ไขมันออกจากร่างกายหรือทำให้เซลล์ไขมันตายครับ

สำหรับผู้ที่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล ต้องการกำจัดไขมันแบบเร่งด่วน หมอจะแนะนำให้ใช้วิธีทางการแพทย์ เช่น การทำ Coolsculpting ช่วยเร่งสลายไขมัน หรือการดูดไขมัน เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและแก้ปัญหาได้ตรงจุดครับ 


สลายไขมันด้วยความเย็น คือ

การสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) คือ วิธีการสลายไขมันแบบ Non-invasive ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องลงเข็ม ด้วยการใช้ความเย็นในระดับจุดเยือกแข็งลงไปใต้ชั้นไขมันโดยไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งจะไวต่อความเย็น เกิดเป็นเซลล์ไขมันตาย (Apoptosis) และถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ  

กำจัดไขมันด้วยความเย็น
เซลล์ไขมันจะไวต่อความเย็นมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ และเกิดเป็นเซลล์ไขมันตายเมื่อถูกแช่แข็งครับ

สลายไขมันด้วยความเย็นดีไหม ?

เทคนิคการใช้ความเย็นสลายไขมัน เห็นผลดีในการกำจัดไขมันส่วนเกินหรือเซลลูไลท์ได้อย่างตรงจุด ช่วยให้รูปร่างกระชับ ดูสมส่วนขึ้น ขั้นตอนการทำสะดวก ใช้เวลาไม่นาน หลังทำผิวไม่เบิร์น ไม่ย้วย ไม่เป็นคลื่นครับ


สลายไขมันด้วยความเย็น ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

การสลายไขมันด้วยความเย็น สามารถทำได้หลายตำแหน่งที่มีการสะสมของไขมัน ได้แก่

  • ต้นแขน
  • ต้นขา
  • เอว (ห่วงยาง)
  • สะโพก
  • ก้น
  • ปีกหลัง
  • เหนียง
สลายไขมันด้วยความเย็นตำแหน่งไหนได้บ้าง

การสลายไขมันด้วยความเย็น กับ การดูดไขมัน

หากเป็นคนที่มีไขมันเยอะ อาจทำ Coolsculpting สลายไขมันแล้วไม่เห็นผล เห็นผลไม่ชัดเจนต้องทำหลายครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายเยอะ หมอแนะนำให้ดูดไขมัน จะเห็นผลดีกว่าครับ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ดูดไขมัน

การดูดไขมัน จะเหมาะกับคนที่อ้วนมาก มี BMI มากกว่า 35 ช่วยกำจัดไขมันในปริมาณเยอะ และลดสัดส่วนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงจากการวางยาสลบหรือการฉีดยาชาปริมาณมากในบริเวณที่ทำ หลังทำอาจเจ็บบวม ฟกช้ำ ผิวอาจเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน ต้องใช้ระยะเวลานานในการพักฟื้น

Coolsculpting กับการดูดไขมัน
Coolsculpting เหมาะกับคนที่ BMI<35 ส่วนการดูดไขมัน เหมาะกับคนที่ BMI>35

เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น มีอะไรบ้าง ? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร ?

เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นในตลาดมีหลากหลายยี่ห้อจากหลายประเทศเลยครับ โดยทั่วไปหลักการทำงานจะคล้าย ๆ กัน แตกต่างกันที่เทคโนโลยีการผลิต และจุดเด่นของแต่ละเครื่อง หมอจะขอยกตัวอย่างเครื่องที่ได้มาตรฐานและได้รับความนิยม ดังนี้ 

Coolsculpting

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันแบรนด์แรกของโลก ซึ่งคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Zeltiq ร่วมกับมหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวเครื่องมีทั้งหมด 5 หัวดูด สามารถช่วยลดไขมันได้หลายตำแหน่งและทำได้เกือบทั้งตัว มีการศึกษาวิจัยมากมายจนได้รับการรับรองจาก FDA ให้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีการใช้แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก 

Cooltech

Cooltech เป็นนวัตกรรมสลายไขมันที่เปิดตัวหลังจาก Coolsculpting ครับ พัฒนาโดยบริษัท Cocoon Medical ประเทศสเปน ได้รับเครื่องหมายมาตรฐาน CE, ISO ที่รับรองความปลอดภัยจากยุโรป ตัวเครื่องรุ่นใหม่ Cooltech Define พัฒนาออกแบบให้มี 9 หัวดูด กระจายความเย็นได้หลายทิศทาง          

Z Lipo & Z wave

Z Lipo & Z Wave จากบริษัท Zimmer MedizinSysteme ประเทศเยอรมัน เป็นเทคนิคการลดไขมันด้วยความเย็นที่ต้องทำคู่กัน โดย Z Lipo จะใช้ความเย็นสลายไขมัน จากนั้นก็จะส่งคลื่นความถี่ (Z wave) เข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อทำให้เซลล์ไขมันตาย มีหลายหัวดูด เครื่องได้มาตรฐาน TUV:SUD และ CE จากยุโรป      

Clatuu

Clatuu Alpha เป็นนวัตกรรมที่เรียกว่า Fat Freezer  ช่วยลดไขมันด้วยความเย็น คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Classys ประเทศเกาหลีใต้ มีหัวดูด 2 หัว (Dual Applicator) สามารถทำพร้อมกันได้ ผ่านมาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ   


Coolsculpting คือ

CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น กำจัดเซลล์ไขมันลดลง 25%

Coolsculpting คือ การสลายไขมันด้วยความเย็น โดยการใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา ก็จะใช้การนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันตายและลดจำนวนลงแบบถาวร และจะถูกร่างกายกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ 

หลักการทำงานของ Coolsculpting

สลายไขมันด้วยความเย็น ได้ผลจริงไหม ?

การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting ได้ผลจริงครับ มีงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 งานวิจัย รับรองว่า Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง หรือกำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC / 1 หนีบครับ


ข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น

ข้อดีของ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น คือ มีระบบ Freeze detect เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป ป้องกันการเกิดผิวไหม้จากความเย็นได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดไขมันสะสมส่วนเกินเฉพาะจุด ปรับรูปร่างให้มีสัดส่วนสวยงาม ไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด ดูดไขมันให้เจ็บตัว หลังทำไม่ต้องพักฟื้น


ข้อเสียของการสลายไขมันด้วยความเย็น

ข้อเสียของการสลายไขมันด้วยความเย็น คือไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะมาก ๆ (BMI>35) และสัดส่วนไม่ได้ลดลงทันทีหลังทำ ต้องรอเวลาให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อนครับ


การเตรียมตัวก่อนการสลายไขมันด้วยความเย็น

ก่อนทำโปรแกรมสลายไขมันด้วยความเย็น คนไข้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษครับ สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนการทำทรีตเมนต์ทั่วไป


การดูแลตัวเองหลังการสลายไขมันด้วยความเย็น

หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารแปรรูป น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ ทำให้ไขมันกลับมาสะสมได้อีก

การดูแลตัวเองหลังสลายไขมันด้วยความเย็น

สลายไขมันด้วยความเย็น กี่วันเห็นผล ?

หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและตกค้างอยู่ ก่อนที่ร่างกายจะกำจัดออกไป และจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้นใน 3-4 สัปดาห์ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 3 เดือนครับ


สลายไขมันด้วยความเย็น กี่ครั้งเห็นผล ?

การสลายไขมันด้วยความเย็น โปรแกรม Coolsculpting เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ และสามารถกลับมาทำซ้ำได้ในจุดเดิม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น 


สลายไขมันด้วยความเย็น มีผลข้างเคียงไหม ?

การสลายไขมันด้วยความเย็น หากใช้เครื่องแท้มีคุณภาพ ได้มาตรฐานก็ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายครับ ส่วนอาการชา ผิวเขียวช้ำ บวม หรือปวดระบม เป็นอาการปกติที่พบได้หลังทำ จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์


สลายไขมันด้วยความเย็นแล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

สำหรับคนที่สลายไขมันด้วยความเย็น แล้วไม่เห็นผล อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้ครับ

  1. ปริมาณไขมันมากเกิน สำหรับเครื่อง Coolsculpting จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI<35) หากมีปริมาณไขมันมากเกินไปหรืออ้วนมาก ๆ อาจทำแล้วเห็นผลไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ดังนั้นคลินิกที่ดี แพทย์จะต้องประเมินและแนะนำคนไข้อย่างตรงไปตรงมา
  2. ใช้เครื่องของปลอม เป็นเครื่องเลียนแบบ เกรดต่ำ ไม่มีคุณภาพ ทำให้ส่งพลังงานไม่ถึงไขมันส่วนเกินที่ต้องการกำจัดออก นอกจากจะไม่เห็นผลแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดผิวไหม้จากความเย็น (Freeze Burn) และอาจทำให้รูปร่างไม่สมส่วนได้ครับ
  3. แพทย์ขาดประสบการณ์ ในการลดไขมันด้วยความเย็น ต้องทำโดยแพทย์หรือ Specialist ที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการออกแบบรูปร่างและการใช้เครื่องมือโดยเฉพาะ สามารถประเมินและแนะนำการรักษาได้อย่างตรงจุด

สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ไหนดี ? 

ก่อนตัดสินใจสลายไขมันด้วยความเย็นที่ไหนดี หมอมีวิธีการเลือกคลินิกสลายไขมันด้วยความเย็นที่ได้มาตรฐานมาแนะนำครับ โดยพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิกมีความน่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ตั้งอยู่ในทำเลที่สังเกตเห็นง่าย เดินทางสะดวก 
  • ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมทำ Coolsculpting มาโดยเฉพาะ ประเมินการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคส
  • มีรีวิวของผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เป็นกลาง ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ
  • การบริการดี แพทย์และเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและให้บริการด้วยความใส่ใจ
  • ราคาสมเหตุสมผล 
ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี นิโคล

สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic

โปรแกรมสลายไขมันด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic ใช้เครื่องแท้ นำเข้าอย่างถูกต้อง ห้องทำหัตถการกว้างขวาง ขนาดอย่างน้อย 20 ตร.ม ใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อปรุ่นกว้างพิเศษ เพื่อความสบายสูงสุดของลูกค้าในช่วงเวลาที่ทำหลายชั่วโมง ดูแลและให้คำแนะนำโดยแพทย์และ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ CoolSculpting พร้อมกับเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติครับ

สำหรับเครื่อง CoolSculpting ของ V Square Clinic มีอยู่ที่สาขาดังนี้ครับ

  • สาขา Gateway Ekamai (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 9000
  • สาขา The walk ราชพฤกษ์ (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 7000
  • สาขา เซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000

สลายไขมันด้วยความเย็น ราคา

การสลายไขมันด้วยความเย็น ราคาจะแตกต่างกันไปตามตัวเครื่องที่ใช้ครับ หากเป็นการทำ Coolsculpting ราคาจะเริ่มต้นที่ 8,500.-/ 1 หนีบ (1 ฝ่ามือ) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำและโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกครับ  


สลายไขมันด้วยความเย็น โปรโมชั่น

โปรโมชั่น Coolsculpting

โปรแกรม coolsculpting

โปรโมชั่น สำหรับผู้ติดตาม Line@ และมีสติกเกอร์ “น้อง ดักกี้ V Square” รับของแถมเพิ่มฟรี

  • 1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
  • 2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
  • 4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
  • 6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
  • 10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ

ของแถมมูลค่า 2,000 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้

  • วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
  • มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
  • เมโสแฟต Phytobella 6 CC
  • โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
  • Hifu Ultraformer III 50 Line

สลายไขมันด้วยความเย็นรีวิว

รีวิว Coolsculpting ที่ V Square Clinic

รีวิว Coolsculpting หน้าท้อง
Coolsculpting รีวิวกำจัดเซลล์ไขมันต้นแขน
รีวิวโปรแกรม Coolsculpting คุณนิโคล เทริโอ 

Q&A สลายไขมันด้วยความเย็น

หมอได้รวบรวมข้อสงสัย เกี่ยวกับการสลายไขมันด้วยความเย็นจากกระทู้ต่าง ๆ ในเว็บไซต์ Pantip มาตอบให้ดังนี้ครับ

สลายไขมันด้วยความเย็น เจ็บไหม ?

โปรแกรม Coolsculpting ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตอนนวดก้อนไขมันที่โดนแช่แข็ง -11°C เพื่อให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย หลังทำในบางเคสจะรู้สึกปวดระบมในจุดที่ทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ คล้าย ๆ การปวดกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ครับ

สลายไขมันด้วยความเย็น อันตรายไหม ?

เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน จะสามารถดูดไขมันและปล่อยความเย็นออกมาโดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวชั้นบนและเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง มีเซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ เมื่อตรวจเจอความเย็นที่มากเกินไป เครื่องจะหยุดทำงานทันทีครับ  

สลายไขมันด้วยความเย็น แล้วจะไม่กลับมาอ้วนจริงไหม ? 

แม้ว่าเราจะทำลายเซลล์ไขมันออกไป แต่ถ้าขาดวินัยในการดูแลตัวเอง เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด (ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นกลับมาอ้วนได้ ซึ่งคนไข้สามารถทำการสลายไขมันด้วยความเย็นใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีผลเสีย จำนวนเซลล์ไขมันก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ ครับ


สรุป

การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีการกำจัดไขมัน ช่วยลดสัดส่วน กระชับรูปร่างอย่างปลอดภัยและเห็นผล แต่ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก และไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักเกินอย่างมาก ก่อนทำแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินว่าคนไข้เหมาะกับการสลายไขมันด้วย coolsculpting หรือไม่ จะได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดครับ  


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา

เจาะลึก Coolsculpting นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็น กำจัดไขมันได้ถาวรจุดไหนได้บ้าง ?

Categories
Coolsculpting
Coolsculpting

Coolsculpting

Coolsculpting วิธีกำจัดไขมันส่วนเกินที่ถูกพูดถึงมากในปัจจุบัน เพราะถูกจัดอยู่ในสุดยอดนวัตกรรมการกำจัดไขมันที่เห็นผลเร็ว มีความปลอดภัย ใครที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน และกำลังมองหาวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง Coolsculpting เป็นตัวเลือกที่ดี ที่หมอแนะนำครับ 

ในบทความนี้ หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับ Coolsculpting คืออะไร ? หลังทำเห็นผลจริงไหม ? ขั้นตอนการทำเป็นอย่างไร เจ็บไหม ? ต่างจากการดูดไขมันอย่างไร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง? รวมถึงข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำที่ไหนดี ต้องทำกี่ครั้ง กี่วันเห็นผล ? ราคาเท่าไร แพงไหม ? ทั้งหมดนี้หมอรวบรวมมาตอบไว้ให้แล้วครับ  

สารบัญ coolsculpting 

  1. Coolsculpting คืออะไร ?
  2. Cryolipolysis คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Coolsculpting อย่างไร ?
  3. กลไกการทำงานของเครื่อง Coolsculpting ช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างไร ?
  4. Coolsculpting ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
  5. ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกทำ Coolsculpting
  6. การสลายไขมัน มีวิธีการใดบ้าง ?
  7. Coolsculpting กับการดูดไขมัน มีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร ?
  8. ทำ Coolsculpting เจ็บไหม ?
  9. อาการหลังทำ Coolsculpting
  10. ทำ Coolsculpting มีผลข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร ?
  11. Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
  12. ทำ Coolsculpting กี่วันเห็นผล ?
  13. Coolsculpting รีวิวผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ
  14. การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
  15. ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting
  16. ทำ Coolsculpting แล้วไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
  17. ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไร ไม่ให้ผิดหวัง
  18. ทำ Coolsculpting ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
  19. Coolsculpting ราคาโปรโมชั่น 2023
  20. Q&A Coolsculpting
รีวิวCoolsculpting โดยหมอโต้ง

Coolsculpting คืออะไร ?

Coolsculpting คือ นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นติดลบ เป็นการทำลายไขมันผ่านกระบวนการ ไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ที่คิดค้นและพัฒนาโดย นายแพทย์ Dieter Manstein และ นายแพทย์ R.Rox Anderson จากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ได้อย่างถาวร  

ข้อดีของ Coolsculpting คือมีความปลอดภัยสูง ไม่อันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ เนื่องจาก Coolsculpting มีระบบ Freeze detect ที่ช่วยให้เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป 

จุดเด่น Coolsculpting

นอกจากนี้ในระหว่างการทำ Coolsculpting คนไข้สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปด้วยได้ เช่น ใช้สมาร์ทโฟน  ดูหนัง หรืออ่านหนังสือ ที่สำคัญหลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ


Cryolipolysis คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Coolsculpting อย่างไร ? 

Cryolipolysis คือชื่อเทคโนโลยี ส่วน Coolsculpting เป็นชื่อเครื่องครับ โดยเครื่อง Coolsculpting มีหลักการทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีแช่แข็งไขมัน หรือ Cryolipolysis เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันใต้ผิวหนังด้วยความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแบบ Non-invasive จึงไม่ทำให้เกิดรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เจ็บตัว

เป็นเครื่องมือแรกและเครื่องเดียวในขณะนี้ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดไขมันในร่างกาย (ไม่ใช่การลดน้ำหนัก) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก US. FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา และ อย.ไทย

CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น กำจัดเซลล์ไขมัน

กลไกการทำงานของเครื่อง Coolsculpting ช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างไร ?

เครื่อง coolsculpting จะทำงานโดยส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11°C ลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน เปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ทำให้ไขมันตาย ก่อนจะสลายตัวไปตามระบบของร่างกาย และถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ  

เซลล์ไขมัน
เซลล์ไขมันกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ก่อนสลายตัว

จากนั้นเซลล์ไขมันที่เหลือจะเรียงตัวใหม่ครับ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้รูปร่างได้สัดส่วนมากขึ้น การันตีผลลัพธ์ ด้วยงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาว่า Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้จริง โดยไขมันลดลงได้ถึง 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง 

coolsculpting คืออะไร

Coolsculpting ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

โปรแกรม Coolsclupting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายด้วยความเย็นแบบเฉพาะจุด   สามารถสลายไขมันส่วนเกินได้หลายจุด แต่ที่ได้รับความนิยม คือบริเวณ หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง) ต้นแขน ต้นขา สะโพก โดยแต่ละส่วนจะใช้หัวเครื่องที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมครับ

ตำแหน่งการทำ Coolsculpting

Coolsculpting หน้าท้อง เอว (ห่วงยาง)

ไขมันหน้าท้อง หรือ ห่วงยางรอบเอว เป็นตำแหน่งที่มีไขมันสะสมอยู่มากครับ หลายคนพยายามควบคุมอาหาร รวมถึงออกกำลังกาย แต่ไขมันส่วนเกินที่สะสมในบริเวณนี้ไม่ได้หายไปง่าย ๆ เนื่องจากเป็นไขมันดื้อที่ลดยาก จึงต้องใช้เวลา และไม่ควรหักโหมออกกำลังกาย หรืออดอาหาร เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียสุขภาพได้ แต่การลดไขมันด้วยเครื่อง Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สามารถกำจัดไขมันดื้อบริเวณนี้ได้อย่างรวดเร็วครับ 

รีวิวCoolsculpting หน้าท้อง

โปรแกรม Coolsculpting สามารถกำจัดเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้องได้ตั้งแต่ครั้งแรก สามารถลดไขมันลงได้ถาวร ช่วยปรับสัดส่วน รูปร่างให้เข้าที่ได้เร็วครับ

รีวิวCoolsculpting หน้าท้อง

Coolsculpting สะโพก

บริเวณสะโพกใหญ่ เป็นอีกจุดที่ Coolsculpting สามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกได้ อาจจะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แต่ช่วยลดขนาดสะโพกให้เล็กลงได้ครับ ทำให้รูปร่างสมส่วนสวยงามมากขึ้น 

Coolsculpting ต้นขา

ในส่วนของไขมันส่วนเกิน บริเวณต้นขา เทคโนโลยี Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปอย่างถาวร ทั้งต้นขาด้านในและต้นขาด้านนอก

Coolsculpting ต้นขาด้านนอก
Coolsculpting ต้นขาด้านใน

เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขาเบียด ต้นขาใหญ่ ไม่เรียวสวย จากไขมันส่วนเกิน  ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ลดยากเช่นกัน แม้หลายคนจะพยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แต่ยังมีไขมันสะสมอยู่มากครับ 

Coolsculpting แขน

ออกกำลังกายหนักแต่ต้นแขนก็ไม่ลง ใช้ Coolsculpting ช่วยได้ครับ บริเวณต้นแขนเป็นตำแหน่งหนึ่งในร่างกายที่มีไขมันส่วนเกินสะสมมากไม่ต่างจากต้นขา เมื่อมีไขมันสะสมอยู่มาก จึงทำให้เกิดปัญหาต้นแขนใหญ่ ต้นแขนหย่อนไม่กระชับ และลดลงได้ยาก

Coolsculpting ต้นแขน
Coolsculpting ต้นแขน คุณนิโคล

 Coolsculpting ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี ในการกำจัดไขมันต้นแขนได้แบบถาวร และเห็นผลรวดเร็วครับ 

 รีวิวCoolsculptingกำจัดไขมันต้นแขน

ทั้งนี้ผู้ที่เหมาะกับการทำ Coolsclupting  ควรมีปัญหาไขมันส่วนเกินในระดับปานกลาง (BMI < 35) ที่พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมอยู่ รวมไปถึงคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดและกระชับสัดส่วนก็ทำได้เช่นกันครับ 


ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกทำ Coolsculpting

ก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting ต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนครับ แม้ว่าการทำ CoolSculpting จะสามารถช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันลงถาวร แต่ในกรณีที่คนไข้ มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป (ค่า BMI มากกว่า 35 ) การทำ CoolSculpting จะเห็นผลน้อยและช้า การดูดไขมันอาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งครับ  

CoolSculpting เหมาะกับใคร

การสลายไขมัน มีวิธีการใดบ้าง ?

หากต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน นอกจาก CoolSculpting ยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้โดยมีทั้งข้อดี – ข้อเสีย และระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงราคาค่าใช้จ่าย ความคุ้มค่าในแต่ละปัญหาของแต่ละบุคคลด้วยครับ หมอขอยกตัวอย่างวิธีสลายไขมันส่วนเกิน ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ดังนี้ 

1. Coolwave สลายไขมัน

Coolwave เป็นชื่อเรียกเฉพาะที่ตั้งขึ้นครับ เป็นหนึ่งเทคโนโลยีกำจัดไขมันด้วยความเย็น ร่วมกับการใช้คลื่น Shock waves เพื่อกำจัดไขมัน เป็นเทคโนโลยีจากเยอรมัน มีกลไกการทำงานที่ต่างกับ Coolsculpting  รวมถึงหัวเครื่องที่ใช้ก็ยังแตกต่างกัน โดย Coolsculpting มีหัวหลากหลายขนาดที่สามารถปรับเข้าสัดส่วนตามร่างกาย สามารถกำจัดไขมันเฉพาะจุดได้ดี หากจัดอันดับ Coolsculpting  ถือเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในตอนนี้ครับ  

2. ดูดไขมัน

การดูดไขมันจะเหมาะกับผู้ที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ ปัจจุบันเครื่องดูดไขมันมีหลายเครื่องครับ แต่หลักการคือใช้พลังงานที่แตกต่างกันในการทำให้ก้อนไขมันแตกตัว จากนั้นจะดูดไขมันออกมาจากร่างกาย  อาจเป็นวิธีที่ง่าย เห็นผลเร็ว หากคนไข้ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวช้ำ และมีเวลาสำหรับการพักฟื้นนานประมาณ 1 เดือน  

ดูดไขมัน

3. ฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน 

การฉีดเมโสแฟต เป็นการใช้สารต่าง ๆ ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมัน ฉีดเข้าตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด นิยมใช้เพื่อลดแก้มลดเหนียงครับ เนื่องจากมีปริมาณไขมันไม่มาก หากต้องการฉีดส่วนอื่น ๆ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ก็จะต้องใช้ปริมาณตัวยามากขึ้น และอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งไขมันหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา จัดอยู่ในกลุ่มไขมันดื้อที่ลดยากครับ 


Coolsculpting กับ การดูดไขมัน มีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร ? 

การทำ Coolsculpting และการดูดไขมัน เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน มีจุดเด่นที่แตกต่างกันครับ 

ดูดไขมันกับCoolSculpting

การดูดไขมัน เป็นหัตถการที่ทำให้เสียเลือด เกิดแผล ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก สามารถดูดไขมันจำนวนมาก ๆ ออกได้เร็ว แต่ก่อนทำต้องฉีดยาชา หรือในกรณีที่ต้องดูดไขมันจำนวนมาก อาจต้องใช้ยาสลบ ในจุดนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงครับ รวมถึงหลังดูดไขมันผิวหนังจะไม่เรียบเนียน มองเห็นเป็นคลื่น 

หากคนไข้ไม่อยากรับความเสี่ยงนี้ หรือไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากมีแผล การทำ Coolsculpting จะตอบโจทย์มากกว่าเพราะไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องพักฟื้น หลังทำผิวจะตึงกระชับ เพราะการสลายไขมันด้วยความเย็นจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผิวบริเวณที่ทำจึงมีความกระชับ โดยจะเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน ที่สำคัญคือการสลายไขมันด้วยความเย็น มีราคาถูกกว่าการดูดไขมันมากครับ


ทำ Coolsculpting เจ็บไหม ?

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ากระบวนการสลายไขมันด้วย coolsculpting  ไม่ทำให้เกิดบาดแผล และไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ ดังนั้นข้อกังวลเรื่องความเจ็บในขั้นตอนระหว่างทำไม่มีครับ หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ 


อาการหลังทำ Coolsculpting

จากประสบการณ์ที่หมอเคยลองทำด้วยตัวเอง จะมีปวด ๆ เมื่อย ๆ ตอนนวดหลังจากแช่แข็งไขมัน (ซึ่งจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ) ปวด เมื่อย ไม่นานครับ ประมาณ 2 นาทีเท่านั้น ในบางเคสอาจมีอาการปวดระบมในช่วง 7-10 วันหลังทำจะคล้าย ๆ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ในจุดที่ทำ 

นอกจากนี้ ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกอาจจะมีอาการบวมในจุดที่ทำ และจะมีอาการชาและคันเล็กน้อยในช่วง 1 เดือนแรกครับ 


ทำ Coolsculpting มีผลข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร ?

การทำ Coolsculpting มีความปลอดภัยสูงครับ ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ตัวเครื่องผ่านการรับรองเรื่องคุณภาพมาตรฐาน  US FDA approved และมีการใช้ Coolsculpting แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ส่วนผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังทำจากกระบวนการแช่แข็ง มีครับแต่เป็นเรื่องปกติ เช่น 

  • ผิวเขียวช้ำ : เนื่องจาก coolsculpting แช่แข็งไขมัน จึงจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ซึ่งหลังนวดอาจมีอาการเขียวช้ำได้ในบางเคส โดยเฉพาะคนผิวขาว ผิวบาง 
  • เกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนครับ
  • บวมในจุดที่ทำ : หลังทำ Coolsculpting จะมีอาการบวมในจุดที่ทำ ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก เนื่องจากยังมีเซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ ร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ใน 3-4 สัปดาห์ อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงเอง และจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลงด้วยครับ 

นอกจากนี้ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่สามารถเกิดได้แต่มีโอกาสเกิดน้อยมาก (อัตรา 1:20,000 เคส) ได้แก่ การเกิด Paradoxical Adipose Hyperplasia คือก้อนไขมันใหญ่ขึ้นหลังทำ ไม่ยุบลง ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan บริษัทผู้ผลิต Coolsculpting มีระบบรับประกัน จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับ


Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?

การทำ Coolsculpting 1 ครั้ง จะสลายเซลล์ไขมันได้ 20-30%  1 หนีบสามารถกำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ 

โปรแกรม Coolsculpting กำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกิน ลดยาก

ทำ Coolsculpting กี่วันเห็นผล ?

หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและค้างอยู่ โดยใน 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้น โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับสามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น

Coolsculpting กี่วันเห็นผล

Coolsculpting รีวิวผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ

ตัวอย่างรีวิวผลลัพธ์หลังการทำ CoolSculpting

รีวิว Coolsculptingต้นขา
รีวิว Coolsculptingต้นขา
รีวิว Coolsculptingสะโพก
รีวิว Coolsculptingสะโพก
รีวิว Coolsculpting ต้นแขน
รีวิว Coolsculpting ต้นแขน
รีวิว Coolsculpting หน้าท้อง ห่วงยาง
รีวิว Coolsculpting หน้าท้อง ห่วงยาง

การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting

การทำ CoolSculpting จะคล้ายกับการทำทรีทเม้นท์ทั่วไป ไม่ได้เป็นการผ่าตัด ดังนั้นขั้นตอนการเตรียมตัวจึงไม่ยุ่งยากครับ คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกเพื่อทำการตรวจประเมินว่าสามารถสลายไขมันด้วยการทำ Coolsculpting ได้หรือไม่ หากทำได้ หมอจะนัดคิวแล้วก็สามารถทำได้เลยครับ


ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting

หลังทำ CoolSculpting ไม่มีข้อห้าม หรือวิธีการดูแลตัวเองพิเศษครับ คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ส่วนใครที่อยากรักษาผลลัพธ์ให้สัดส่วนสวยงาม สุขภาพดีระยะยาว หมอแนะนำให้หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ  พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นอีก 


ทำ Coolsculpting แล้วไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

หากทำ coolsculpting แล้วไม่ได้ผล มี 2 กรณีครับ 

  1. Coolsculpting ของปลอม  ปัจจุบันมีเครื่องลอกเลียนแบบ ค่อนข้างมากครับ เพราะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม ซึ่งเครื่องลอกเลียนแบบที่ไม่มาตรฐาน แน่นอนว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ขณะเดียวกันยังอาจเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) ได้ด้วย 
  2. คนไข้ไม่เหมาะกับการทำ coolsculpting ในเคสที่มีปริมาณไขมันมากเกินไป พอทำมาแล้วเห็นผลไม่ชัดเจน ไขมันไม่หายไปตามที่คาดหวัง (ซึ่งคลินิกที่ดีแพทย์จะต้องประเมินและแนะนำว่าคนไข้เหมาะกับ coolsculpting หรือไม่ อย่างตรงไปตรงมา)

ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไร ไม่ให้ผิดหวัง 

ปัจจุบันมีเครื่อง Coolsculpting ปลอมอยู่มากครับ เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน  และมั่นใจว่าใช้เครื่อง Coolsculpting แท้ที่มีคุณภาพ ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการทำโปรแกรม Coolsculpting โดยตรง แนะนำให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกครับ 

1. เลือกคลินิกได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ

ควรตรวจสอบกว่าคลินิกนั้น เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตรับรองที่ถูกต้องหรือไม่  รวมถึงบรรยากาศคลินิกควรสะอาด ไม่คับแคบ มีเครื่องมือทันสมัยพร้อมให้บริการ และใช้เครื่อง Coolsculpting ของแท้เท่านั้น เพื่อได้ผลลัพธ์อย่างแท้จริงและปลอดภัย

2. ต้องดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ

ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยความเย็น ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ หรือ Specialist ที่ผ่านการอบรมทำ Coolsculpting มาโดยเฉพาะ เพื่อประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคส พร้อมติดตามผลหลังทำ

3. ราคาสมเหตุสมผล

อัตราค่าบริการ Coolsculpting ควรอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงเกินไป เนื่องจากหากเลือกทำที่มีราคาถูกเกินไป อาจเสี่ยงที่จะไปเจอกับเครื่องเลียนแบบหรือเครื่องปลอมได้

4. มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

รีวิวต่าง ๆ จากผู้เคยใช้บริการ เป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา หากยังไม่แน่ใจว่าทำ Coolsculpting เห็นผลหรือไม่ ให้ดูจากรีวิวของคนไข้ที่เคยมาใช้บริการครับ หากทำแล้วไม่เห็นผล หรือมีผลข้างเคียงก็จะมี feedback กลับมาให้เห็น สามารถเช็กที่หน้ารีวิวของ Page Facebook หรือกระทู้ต่าง ๆ ได้


ทำ Coolsculpting ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

ที่ V Square Clinic จะดูแลและให้คำแนะนำโดยแพทย์ หรือ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ CoolSculpting โดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านการทำ CoolSculpting มานานกว่า 3 ปี นอกจากนี้ ที่ V Square Clinic ยังอำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ดังนี้ 

  1. ให้บริการสลายไขมัน CoolSculpting โดยทำในห้องที่มีขนาดเหมาะสม สะดวกสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดอย่างน้อยประมาณ 20 ตารางเมตร
  2. ในช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ทำ CoolSculpting  ทาง V Square Clinic เน้นมอบความสบายให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด จึงเลือกใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อป ที่มีความกว้างมากเป็นพิเศษ
  3. เพิ่มเทคนิคพิเศษในขั้นตอนการทำ CoolSculpting ที่จะช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
  4. ช่วงโปรโมชั่นการันตีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับราคาที่อื่น ๆ ในท้องตลาด โดยไม่มีโปรโมชั่นแอบแฝง
  5. มีรีวิวจากดารา เซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียง เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง 
รีวิวCoolSculpting คุณนิโคล คุณตุ้ย คุณต่าย

Coolsculpting ราคาโปรโมชั่น 2023 

ราคาการทำ Coolsculpting จะขึ้นอยู่กับจำนวนหนีบที่ใช้ครับ (1 หนีบ = 1 ฝ่ามือ) ที่ V Square Clinic ราคาต่อ 1 หนีบอยู่ที่ 8,500.-  พร้อมเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติครับ 

Coolsculpting ราคาโปรโมชั่น

Promotion CoolSculpting

Coolsculpting ราคาโปรโมชั่น

ปัจจุบัน ที่ V Square Clinic มีบริการ CoolSculpting อยู่ 3 สาขา

  1. สาขาเกตเวย์เอกมัย โทรนัดคิว 099 005 9000
  2. สาขาเดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ โทรนัดคิว 099 005 7000
  3. สาขาเซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000

Q&A Coolsculpting

1. ทำ Coolsculpting ได้ผลจริงไหม ?

เครื่อง Coolsculpting ของแท้ สามารถลดไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้จริงครับ

มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) 

2. ทำ Coolsculpting เหนียงได้ไหม ? 

Coolsculpting เหนียง สามารถทำได้ครับ โดยใช้หัว Mini  แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม แนะนำทำ Hifu ลดเหนียงครับ เพราะสามารถช่วยเรื่องยกกระชับได้ด้วย หรือในกรณีที่มีไขมันใต้คางมาก ๆ สามารถฉีดเมโสแฟต เพื่อสลายไขมัน ได้เช่นกัน ราคาคุ้มค่า  และเห็นผลลัพธ์ได้ดีเช่นกัน

3. ผู้ที่ไม่เหมาะกับทำ Coolsculpting มีไหม ? 

หมอไม่แนะนำให้ทำ Coolsculpting ในกลุ่มคนเหล่านี้ 

  • หญิงตั้งครรภ์
  • หญิงที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่แพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น
  • ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • ผู้ที่ติดอุปกรณ์ใด ๆ ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ
  • ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดในบริเวณที่จะทำการรักษา

สรุป

Coolsculpting นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลรูปร่างสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมและต้องการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน สามารถสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร ในจุดต่าง ๆเช่น  หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา ใครที่สนใจสลายไขมันด้วยความเย็น หมอขอเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญครับ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และตัดสินใจทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา แก้ปัญหาขาใหญ่ กี่วันเห็นผล ? เจ็บตัวหรือไม่ ?

Categories
Coolsculpting
895-Coolsculpting-สลายไขมันต้นขา1000X860

Coolsculpting สลายไขมันต้นขาด้วยความเย็น เป็นเทคโนโลยีที่กำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร การันตีด้วยงานวิจัยกว่า 70 ชิ้น ทำให้ปัจจุบันเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ใครที่มีปัญหาขาใหญ่ ขาเบียด ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินต้นขา และอยากทราบรายละเอียดการทำ Coolsculpting คืออะไร ? ช่วยได้อย่างไร ? ช่วยได้จริงไหม ? ข้อดี – ข้อเสีย มีอะไรบ้าง ? หมอมีข้อมูลเหล่านี้มาแนะนำครับ รวมถึงขั้นตอนการทำ กี่วันเห็นผล ? กี่ครั้งเห็นผลชัดเจน ต่างจากวิธีการอื่น ๆ อย่างไร ? ก่อนทำควรรู้อะไรบ้าง ? ราคาเท่าไหร่ ? ควรเลือกทำคลินิกไหนดี ติดตามอ่านทั้งหมดได้ที่นี่ครับ   

สารบัญ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา  

  1. Coolsculpting สลายไขมันต้นขา คืออะไร ?
  2. Coolsculpting ช่วยสลายไขมันต้นขาได้อย่างไร ? 
  3. ขาใหญ่ ไขมันต้นขาเยอะ เกิดจากอะไร แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง ?
  4. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา กี่วันเห็นผล ?
  5. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล ?
  6. ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา
  7. เปรียบเทียบการ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา VS การฉีดแฟตลดต้นขา
  8. Coolsculpting สลายไขมันต้นขา กับ การดูดไขมัน เลือกแบบไหนดี ? 
  9. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขาเจ็บ หรือช้ำไหม ?
  10. รีวิว Coolsculpting ต้นขา 
  11. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา พร้อมกับส่วนอื่นด้วยได้ไหม ? 
  12. Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ราคาแพงไหม ? 
  13. ข้อควรรู้ และการเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting ต้นขา
  14. การปฏิบัติตัวหลังทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา
  15. Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ที่ไหนดี ?
  16. โปรโมชั่น Coolsculpting สลายไขมันต้นขา

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา คืออะไร ?

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา คือ เทคโนโลยีกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น -11°C โดยจะแช่เซลล์ไขมันบริเวณต้นขา เพื่อทำให้ไขมันตาย ก่อนถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ  จึงช่วยแก้ปัญหาต้นขาใหญ่ ขาเบียด ได้อย่างเห็นผล

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา

คุณสมบัติเด่นของตัวเครื่อง Coolsculpting คือ เป็นนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้อย่างถาวรครับ มีความปลอดภัยสูง เพราะจะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ข้างเคียง 

เนื่องจากเซลล์ไขมันจะมีความพิเศษ คือไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ถ้าเรานำอาหารที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็นธรรมดา ส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัวและแยกชั้นไวมาก โดยไม่มีผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ครับ  


Coolsculpting ช่วยสลายไขมันต้นขาได้อย่างไร ? 

หลักการทำงานของเทคโนโลยี Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ตัวเครื่องจะใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง คล้าย ๆ เราหยิกไขมันที่พุงขึ้นมา ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็นติดลบเข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมัน ที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาที ในแต่ละจุด เพื่อทำให้เซลล์ไขมันตาย จากนั้นร่างกายจะกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ จึงลดจำนวนไขมันลงได้อย่างถาวร โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก 

หลักการทำงาน Coolsculpting สลายไขมันต้นขา

กระบวนการสลายไขมันด้วย coolsculpting ต้นขา คนไข้ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเลือด ไม่มีแผล ไม่ต้องฉีด จึงไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ


ขาใหญ่ ไขมันต้นขาเยอะ เกิดจากอะไร แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง ?

ปัญหาขาใหญ่ ไขมันต้นขาเยอะ สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากไขมันส่วนเกินที่ระบบเผาผลาญไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้หมดครับ จึงเกิดไขมันสะสมอยู่ที่บริเวณต้นขา ทั้งด้านในและด้านนอก หากเกิดด้านใน จะทำให้เกิดปัญหาขาเบียด แต่หากเป็นด้านนอกจะทำให้ต้นขาใหญ่ ไม่เรียวสวย ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้  

1.ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ลดต้นขา

การออกกำลังกาย เพื่อปรับรูปร่าง ลดไขมันส่วนเกินเป็นวิธีที่หมอแนะนำครับ เพราะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง  ปลอดภัย แต่ต้องอาศัยความพยายามและความอดทนสูง เนื่องจากไขมันบริเวณต้นขาเป็นจุดที่ลดยาก

ออกกำลังกายลดต้นขา

หลักการสำคัญของการออกกำลังกายลดต้นขา คือ การสร้างกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้เราสามารถเผาผลาญ metabolism ในแต่ละวันได้มากขึ้น ร่วมกับการควบคุมอาหาร ร่างกายก็จะไปดึงไขมันที่เก็บสะสมตามส่วนต่าง ๆ มาใช้ ทำให้ไขมันส่วนเกินลดลงครับ  

2.นวดสลายไขมันต้นขา  

การนวดสลายไขมันต้นขา เป็นวิธีหนึ่งที่หลายคลินิกเปิดให้บริการ เพื่อช่วยให้ต้นขากระชับ เครื่องมือที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็น RF (Radio-Frequency) อ่อน ๆ ครับ เพราะเครื่องมือในการลดสัดส่วนที่ได้ผลนั้น จะต้องผ่านงานวิจัยทางการแพทย์และจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีการควบคุมพิเศษ แต่สถาบันลดสัดส่วนเหล่านี้ส่วนมากมักจะไม่มีแพทย์ประจำ และไม่ได้จดทะเบียนเป็นคลินิกเวชกรรม จึงไม่สามารถใช้เครื่องมือแพทย์ได้ 

หากใครเลือกวิธีนี้ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่า ใช้การนวดแบบใด เพราะถ้านวดธรรมดาจะสามารถสลายไขมันได้แต่ทำให้ผิวกระชับขึ้นเพียงเล็กน้อย จากการบวมของเนื้อเยื่อหรือการรีดน้ำออกเพียงชั่วคราว ในระยะ 3-7 วันเท่านั้น พอหยุดทำก็จะคืนสภาพเดิม แทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงครับ  

3.ฉีดแฟตลดต้นขา

การฉีดเมโสแฟตเป็นการฉีดสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด โดยสารที่ใช้มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมันได้อย่างปลอดภัย (ควรทำกับคลินิกที่มั่นว่าใช้ตัวยาเมโสแฟตที่ได้มาตรฐานเท่านั้น)  

การฉีดเมโสแฟตจะฉีดตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการลดไขมัน บริเวณที่เห็นผลดี คือลดแก้ม ลดเหนียง แต่ในตำแหน่งต้นขาที่มีปริมาณไขมันจำนวนมาก อาจหวังผลได้ไม่แน่นอน จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการนำมาลดไขมันต้นขาครับ อีกทั้งการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน บางคนฉีดเมโสแฟตแล้วเห็นผลดีมาก บางคนก็ไม่เห็นผลครับ  

4.ดูดไขมันต้นขา 

การดูดไขมันต้นขา คือการดูดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณต้นขา เพื่อปรับปรุงรูปร่างส่วนล่างให้สมดุล เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันสะสมจำนวนมาก ๆ ครับ วิธีนี้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่ต้องแลกมากับความเจ็บ มีแผลและอาจเกิดรอยช้ำนาน ต้องอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้น และมีข้อจำกัดในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท จึงควรทำกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความชำนาญพิเศษ เพื่อความปลอดภัย   

5.Coolsculpting ต้นขา

การทำ Coolsculpting ขา เป็นวิธีที่หมอแนะนำครับ เพราะ Coolsculpting ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะและมีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ทั้งต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง พุง สะโพก เอว เป็นต้น สามารถสลายไขมันได้ถาวร เห็นผลจริง มีงานวิจัยรับรองทั้งผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย 

Coolsculpting ช่วยสลายไขมันต้นขา

ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา กี่วันเห็นผล ?  

หลังจากทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและค้างอยู่ ก่อนที่ร่างกายจะค่อย ๆ  ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง และใน 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้นชัดเจน โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับ


ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล ?

การสลายไขมันต้นขาด้วยความเย็น สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ทำครั้งแรกครับ โดยไขมันจะลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง ในกรณีที่มีไขมันเยอะ ต้องการลดไขมันได้มากขึ้น สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้ครับ 


ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา

  • ข้อดี

✓  มีความปลอดภัยสูง มีระบบ Freeze detect เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป จึงไม่เกิดกรณีผิวไหม้จากความเย็น

✓ ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก ผิวไม่เขียวช้ำ  ไม่มีแผล เมื่อยุบบวมเข้าที่จะไม่มีร่องรอยใด ๆ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ

✓  สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้อย่างถาวร 25 % ต่อ 1 จุด 

✓ มีงานวิจัยรับรอง และมีการใช้ CoolSculpting แล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก 

จุดเด่นCoolsculpting สลายไขมันต้นขา
  • ข้อเสีย 

ปัจจุบันมีเครื่องที่ลอกเลียนแบบ ที่ไม่ได้ใช้ชื่อ Coolsculpting หากพลาดเข้าใช้บริการอาจจะเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) เนื่องจากระบบความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน

  ไม่เหมาะกับเคสที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ หรือ BMI>35  เนื่องจากต้องกำจัดไขมันออกในปริมาณมาก จึงเหมาะกับการดูดไขมันมากกว่า

ในคนที่ผิวบาง ช้ำง่าย หลังทำอาจมีรอยช้ำจากหัวที่ดูดผิวและการนวดหลังแช่แข็งเซลล์ไขมัน เพื่อให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย 

ในขั้นตอนการนวดก้อนเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว จะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อคล้ายการออกกำลังกายหนักครับ 


เปรียบเทียบ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา VS การฉีดแฟตลดต้นขา

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา VS การฉีดแฟตลดต้นขา
  • สลายไขมันต้นขาด้วยเมโสแฟต เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวบริเวณที่มีไขมันสะสม เพื่อเร่งการสลายไขมันตามธรรมชาติ และเร่งให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ หลังฉีดเมโสแฟต ไขมันจะเกิดการแตกตัวและถูกปล่อยออกมาในรูปของก๊าซและไขมันเหลว โดยจะปนมากับการหายใจ เหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ หลังฉีดจะเห็นผลชัดเจนประมาณ 1-3 สัปดาห์ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล นิยมฉีดลดแก้ม เหนียง มากกกว่าต้นขาต้นแขน) โดยสามารถสลายไขมันได้ 10-15% ต่อการฉีด 1 ครั้ง 
  • สลายไขมันต้นขาด้วย CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันโดยตรงและมีผลงานวิจัยการันตีว่า  เซลล์ไขมันลดลงได้แบบถาวร และไม่เพิ่มจำนวนขึ้นมาอีก สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยการทำ 1 ครั้ง จะลดเซลล์ไขมันถาวรได้ประมาณ 25% ครับ 

หากต้องการกำจัดไขมันบริเวณต้นขาอย่างเห็นผล การทำ coolsculpting เหมาะสมมากกว่าครับ เพราะสามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ แม้จะราคาสูงกว่าการฉีดเมโสแฟต แต่ถ้าประเมินราคาและผลลัพธ์แล้ว การทำ coolsculpting ถือว่าคุ้มค่ากว่าครับ


Coolsculpting สลายไขมันต้นขา กับ การดูดไขมัน เลือกแบบไหนดี ? 

หัตถการใด จะเหมาะกับใคร ต้องดูที่ปัญหา และความต้องการของคนไข้แต่ละเคสครับ หากต้องการกำจัดไขมันบริเวณต้นขา ในเคสที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย  และพยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมบริเวณต้นขาอยู่ แต่มีความต้องการให้ต้นขาเล็กลง ผิวกระชับ การทำ  Coolsculpting เป็นวิธีที่เหมาะสมครับ 

ดูดไขมันต้นขา

ในกรณีที่คนไข้มีน้ำหนักมาก และค่า BMI มากกว่า 35 มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เร็ว ไม่กลัวเจ็บ มีเวลาพักฟื้น การดูดไขมันต้นขาน่าจะตอบโจทย์มากกว่าครับ หากใครยังไม่มั่นใจว่าตนเองเหมาะกับวิธีการใด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินความคุ้มค่าให้ครับ 


ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขาเจ็บ หรือช้ำไหม ? 

ในขั้นตอนการทำ CoolSculpting ขา จะไม่เจ็บครับ แต่จะเจ็บตอนนวด (ความรู้สึกคล้ายปวดกล้ามเนื้อตอนออกกำลังกายหนัก ๆ) เพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ หลังทำอาจรู้สึกระบมในจุดที่ทำในช่วง 7-10 วัน และอาจจะมีอาการชาและคันเล็กน้อยในช่วง 1 เดือนแรก ส่วนอาการเขียวช้ำ อาจเกิดขึ้นได้ในบางเคสที่ผิวบางมาก ๆ หรือคนที่ผิวช้ำง่าย  


รีวิว Coolsculpting ต้นขา 

ตัวอย่างรีวิวการทำ CoolSculpting สลายไขมันต้นขา 

รีวิวCoolsculpting สลายไขมันต้นขา
รีวิวCoolsculpting สลายไขมันต้นขา(1)
 รีวิว Coolsculpting สลายไขมันต้นขาด้านใน
รีวิวCoolsculpting สลายไขมันต้นขา_1
รีวิวเคสทำCoolsculpting ต้นขาด้านนอก (สะโพก)

ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา พร้อมกับส่วนอื่นด้วยได้ไหม ? 

การทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา สามารถทำร่วมกับตำแหน่งอื่น ๆ  ได้ครับ โดยบริเวณที่ได้รับความนิยม  คือ หน้าท้อง ลดเอว ลดพุง ลดสะโพก รวมถึงต้นแขน  

สลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น

ไขมันบริเวณหน้าท้อง เอว สะโพก ห่วงยาง เป็นจุดที่ลดยาก แม้พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหาร การสลายไขมันหน้าท้องด้วยความเย็น Coolsculpting เป็นตัวช่วยที่ดี สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว   

CoolSculpting สลายไขมัน ลดพุง
(CoolSculpting สลายไขมัน ลดพุง) 

โดยจะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลงใน 3-4 สัปดาห์ และยังเหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่อยากลดพุง อยากกระชับรูปร่าง

รีวิวCoolsculpting หน้าท้องห่วงยาง

สลายไขมันต้นแขนด้วยความเย็น 

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ถือเป็นตัวช่วยที่ดี สามารถสลายไขมันส่วนเกินสะสมได้ ไม่ต่างจากต้นขา หน้าท้อง และพุงครับ 

รีวิว Coolsculpting จำกัดเซลล์ไขมันต้นแขน

Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ราคาแพงไหม ? 

CoolSculpting ถือเป็นหัตถการที่ราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ รวมถึงความปลอดภัย และยังสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันได้อย่างถาวร คนไข้ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น หรือเจ็บตัวเหมือนกับการผ่าตัดดูดไขมัน 


ข้อควรรู้ และการเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting ต้นขา

การทำ Coolsculpting ต้นขา คนไข้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากครับ สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนก่อนทำ treatment ทั่วไป


การปฏิบัติตัวหลังทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา

การดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting ต้นขา เพื่อให้สามารถคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น ควรดูแลสุขภาพของตัวเองร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะไขมันทรานส์ ที่ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นอีกครับ


Coolsculpting สลายไขมันต้นขา ที่ไหนดี ?

การสลายไขมันต้นขา ต้นแขน หน้าท้องด้วยเครื่อง Coolsculpting เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน จึงทำให้มีการนำเครื่องลอกเลียนแบบมาใช้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ Coolsculpting ต้นขาที่ไหนดี ควรพิจารณาเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นใจว่าเป็นเครื่องแท้ และดูแลโดยแพทย์หรือ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ

สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

  1. ให้คำแนะนำและดูแล โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านการทำ CoolSculpting มานานกว่า 3 ปี
  2. ให้บริการสลายไขมัน CoolSculpting โดยทำในห้องที่มีขนาดเหมาะสม สะดวกสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดอย่างน้อยประมาณ 20 ตารางเมตร
  3. ในขณะทำ CoolSculpting  ทาง V Square Clinic ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย และต้องการให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย จึงเลือกใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อป ที่มีความกว้างมากเป็นพิเศษ
  4. มีเทคนิคพิเศษในขั้นตอนการทำ CoolSculpting ที่จะช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ

โปรโมชั่น Coolsculpting สลายไขมันต้นขา V Square Clinic

ราคา Coolsculpting สลายไขมันต้นขา
  • 1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
  • 2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
  • 4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
  • 6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
  • 10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ

ของแถมมูลค่า 2,000 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้

  • วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
  • มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
  • เมโสแฟต Phytobella 6 CC
  • โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
  • Hifu Ultraformer lll 50 Line

สรุป

การทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นขา เป็นวิธีที่ลดไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขาได้อย่างถาวร ช่วยให้ต้นขาเล็ก เรียว สวยงามขึ้นได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตราย หรือเจ็บตัวจากการผ่าตัด ใครที่สนใจทํา Coolsculpting หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือเท่านั้นครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ต้องทำกี่ครั้ง กี่วันเห็นผล ทำที่ไหนดี ?

Categories
Coolsculpting
Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน 

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขนคืออะไร ? ใครที่มีปัญหาต้นแขนใหญ่ มีไขมันสะสมที่ต้นแขน พยายามลดแล้ว แต่ยังไม่เห็นผล การทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดต้นแขนได้ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนครับ 

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ดีอย่างไร ? ได้ผลจริงไหม ข้อดี- ข้อเสียมีอะไรบ้าง ? ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล ? ต่างจากการฉีดแฟตแขนอย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? ควรเลือกทำที่ไหนดี ? มีคำตอบในบทความนี้ครับ 

สารบัญ Coolsculpting ต้นแขน

  1. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน คืออะไร ?
  2. ไขมันต้นแขน เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรได้บ้าง ?
  3. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ดีอย่างไร ?
  4. กระบวนการทำงานลดไขมันต้นแขนด้วย Coolsculpting
  5. ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน กี่วันเห็นผล ?
  6. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน กี่ครั้งเห็นผล ?
  7. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน VS ฉีดแฟตลดต้นแขน
  8. Coolsculpting ต้นแขน รีวิว
  9. วิธีอื่น ๆ ลด – สลายไขมันต้นแขน
  10. การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting ต้นแขน
  11. ข้อปฏิบัติก่อน-หลังทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน
  12. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่ ?
  13. Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ที่ไหนดี ?

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน คืออะไร ? 

โปรแกรม Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน คือ เทคโนโลยีสลายไขมันส่วนเกิน ด้วยความเย็น -11°C  บริเวณต้นแขน เพื่อแก้ปัญหาต้นแขนใหญ่จากไขมัน หลังทำช่วยให้แขนเล็กและเรียวได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นครับ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีในการสลายไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขนได้อย่างเห็นผล และรวดเร็ว 

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน

การทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย เพราะการทำงานของเครื่อง Coolsculpting จะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมัน เพื่อให้เซลล์ไขมันตายและลดจำนวนลงแบบถาวร จากนั้นร่างกายจะกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอกครับ  


ไขมันต้นแขน เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรได้บ้าง ?

ปัญหาต้นแขนใหญ่จากไขมันสะสม ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารที่เกินความจำเป็นครับ ร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง จำพวกของมัน ของทอด แป้ง น้ำตาล โดยที่ร่างกายไม่สามารถขับออกหรือดึงมาใช้ให้เป็นพลังงานได้หมด จึงเกิดสะสม ทั้งบริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง 

สาเหตุไขมันต้นแขน

วิธีแก้ปัญหาพื้นฐานที่หมอแนะนำให้ทำ คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารครับ รวมถึงพยายามออกกำลังกาย ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา และอดทนทำอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ออกไปได้  ส่วนใครที่ต้องการผลลัพธ์ที่เร็ว หรือพยายามควบคุมอาหาร และออกกำลังกายมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจ การทำ CoolSculpting สลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น เป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้ต้นแขนเล็กลงได้ 

CoolSculpting รีวิว จำกัดเซลล์ไขมันต้นแขน 

ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ดีอย่างไร ? 

  • สามารถกำจัดไขมันต้นแขนได้แบบถาวร
  • ช่วยให้สัดส่วนลดลง แขนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ไม่ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนอื่นบริเวณข้างเคียง
  • หลังทำไม่เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง สามารถทำซ้ำได้ 
  • ไม่ต้องฉีดยาหรือใช้ยาชาเฉพาะจุด
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล จึงไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น 

นอกจากนี้เทคโนโลยี CoolSculpting ยังการันตีผลลัพธ์ และความปลอดภัย ด้วยงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาว่า CoolSculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้จริง ไขมันลดลงได้ถึง 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง หากต้องการลดไขมันได้มากขึ้น สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้ครับ 


กระบวนการทำงานลดไขมันต้นแขนด้วย Coolsculpting

โปรแกรม Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินต้นแขนที่ลดยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกระบวนการทำงานของเครื่อง Coolsculpting จะใช้หัวเครื่องส่งผ่านความเย็น -11°C  ที่ได้รับการควบคุมไปยังเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณต้นแขน หรือตำแหน่งอื่น ๆ ที่ต้องการกำจัดไขมัน 

จากนั้นเซลล์ไขมันที่ถูกความเย็นแช่แข็งจนตาย (ใช้เวลา 35 นาทีในแต่ละจุด) ร่างกายจะกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ จึงลดจำนวนไขมันลงได้อย่างถาวร

หลักการทำงาน Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน

หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องเสียเลือด ไม่เจ็บ ไม่ต้องฉีด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นครับ 


ทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน กี่วันเห็นผล ?

ผลลัพธ์หลังจากทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ไขมันตายและค้างอยู่ ก่อนที่ร่างกายจะค่อย ๆ  ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง และจะเห็นผลลัพธ์ ใน 3-4 สัปดาห์ ว่าสัดส่วนเล็กลง แขนกระชับขึ้นชัดเจน โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับ

ตัวอย่างการทำ CoolSculpting สลายไขมันต้นแขน ทำให้ต้นแขนเล็กลงชัดเจน

รีวิวCoolSculptingต้นแขน โดยหมอโต้ง
ข้างที่ยังไม่ได้ทำ
รีวิวCoolSculptingต้นแขน โดยหมอโต้ง
ข้างที่ทำแล้ว ผ่านไป 1 เดือน ผิวจะกระชับขึ้น

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน กี่ครั้งเห็นผล ?

การสลายไขมันต้นแขนด้วยความเย็น สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ทำครั้งแรกครับ โดยไขมันบริเวณต้นแขนจะลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง หากคนไข้มีไขมันสะสมเยอะ สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ 


Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน VS ฉีดแฟตลดต้นแขน

  • สลายไขมันต้นแขนด้วยเมโสแฟต

เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวบริเวณที่มีไขมันสะสม เพื่อเร่งการสลายไขมันตามธรรมชาติ และเร่งให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ หลังฉีดเมโสแฟต ไขมันจะเกิดการแตกตัวและถูกปล่อยออกมาในรูปของก๊าซและไขมันเหลว โดยจะปนมากับการหายใจ เหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ โดยสามารถสลายไขมันได้ 10-15% ต่อการฉีด 1 ครั้ง หลังฉีดจะเห็นผลชัดเจนประมาณ 1-3 สัปดาห์ 

  • สลายไขมันต้นแขนด้วย CoolSculpting 

เป็นการกำจัดไขมันโดยตรง และมีผลงานวิจัยรับรองว่าสามารถทำให้เซลล์ไขมันลดลงได้แบบถาวร และไม่เพิ่มจำนวนขึ้นมาอีก สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยการทำ 1 ครั้ง จะลดเซลล์ไขมันถาวรได้ประมาณ 25% ครับ 

หากต้องการกำจัดไขมันบริเวณต้นแขน อย่างเห็นผล หมอแนะนำการทำ coolsculpting เพราะสามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ คุ้มค่า คุ้มราคาครับ 


Coolsculpting ต้นแขน รีวิว

รีวิวCoolSculptingต้นแขน(1)
รีวิวCoolSculptingต้นแขน

วิธีอื่น ๆ ลด- สลายไขมันต้นแขน

วิธีลดสัดส่วนบริเวณต้นแขน นอกจากการทำ CoolSculpting ที่หมอแนะนำ และการฉีดเมโสแฟตแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยได้เช่นกัน หรือสามารถทำร่วมกันได้ เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น 

1. Weight Training ลดต้นแขน

การออกกำลังกาย เพื่อลดต้นแขนด้วยการทำ Weight Training เป็นวิธีที่ดี ปลอดภัย และช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย 

หลักการของการทำ Weight Training คือเสริมสร้างกล้ามเนื้อแขน เพื่อช่วยให้เราสามารถเผาผลาญ metabolism ในแต่ละวันได้มากขึ้น แนะนำให้ทำร่วมกับการควบคุมอาหารครับ เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมตามส่วนต่าง ๆ มาใช้ได้หมด โดยที่ไม่เหลือไขมันส่วนเกินสะสม

2. Hifu / Ulthera  ลดต้นแขน 

Hifu และ Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เหมือนกันครับ สามารถเลือกทำได้ตามงบประมาณ และความเหมาะสมในแต่ละบุคคล สามารถปรึกษาแพทย์ก่อนทำได้ 

ความแตกต่างของ Hifu กับ Ulthera คือ ขนาดจุดโฟกัส Ulthera เป็นจุดขนาด 1 mm ส่วน Hifu เป็นจุดขนาด 0.5-1 mm เป็นการส่งพลังงานความเข้มข้นสูง ส่งลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS เด่นในเรื่องยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย นอกจากบริเวณต้นแขนแล้ว ยังสามารถใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นขา เอว หน้าท้อง และสะโพก เพื่อเพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและสัดส่วน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น

Hifu / ulthera  ลดต้นแขน

ทั้งนี้ หากต้องการลดไขมันต้นแขนจริง ๆ การทำ Hifu และ Ulthera SPT จะไม่ได้เห็นผลเท่า CoolSculpting ครับ เพราะ Hifu และ Ulthera ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสลายไขมันโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ผิวกระชับขึ้นเท่านั้น 

3. Thermage ลดต้นแขน 

Thermage FLX เป็นอีกเครื่องมือยกกระชับ ช่วยสลายไขมัน และกระตุ้นคอลลาเจน โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ยิงลงไปในชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ผิวชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน พลังงานที่ปล่อยออกมาจะส่งผ่านความร้อนแบบ Column ทำให้สามารถสร้างความร้อนใต้ผิวหนังได้ลึกและทั่วถึงมากกว่าเครื่องมือยกกระชับอื่น ๆ ความร้อนที่ส่งไปจะไปทำให้ผิวเกิดการหดตัว คล้าย ๆ การจี่เนื้อบนกระทะ ช่วยลดเนื้อไขมัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้น

Thermage ลดต้นแขน

4. ดูดไขมัน ลดต้นแขน 

การดูดไขมันต้นแขน เป็นวิธีที่ทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะเห็นผลเร็ว สามารถดูดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณต้นแขนได้ เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันสะสมจำนวนมาก ๆ ครับ 

วิธีนี้ต้องแลกมากับความเจ็บ มีแผลและอาจเกิดรอยช้ำนาน ต้องอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้น และมีข้อจำกัดในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท จึงควรทำกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษ เพื่อความปลอดภัย เพราะวิธีนี้ทำให้เสียเลือดได้ครับ   


การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting ต้นแขน

การทำ Coolsculpting ต้นแขน คนไข้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากครับ สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำได้ตามปกติเหมือนก่อนทำ treatment ทั่วไป

ประเมินไขมันต้นแขน คุณนิโคล
ตรวจประเมินไขมัน
สลายไขมันต้นแขน
วางหัว Applicator แช่แข็งเซลล์ไขมัน

ข้อปฏิบัติก่อน-หลังทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน 

การดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting ต้นแขนเพื่อให้สามารถคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น หมอแนะนำให้คนไข้ดูแลสุขภาพของตัวเองร่วมด้วย ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม โดยเฉพาะไขมันทรานส์ ที่ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวขึ้นอีก


Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่ ? 

CoolSculpting ถือเป็นหัตถการที่มีราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ ทั้งในด้านของความปลอดภัยและผลลัพธ์ เพราะไม่ต้องผ่า ดูด ให้เจ็บตัว หรือใช้เวลาพักฟื้นนาน จึงเป็นอีกทางเลือกที่หมอแนะนำครับ 

Coolsculpting ราคาเท่าไร

ที่ V Square Clinic ราคาทำ CoolSculpting อยู่ที่ 8,500.- / 1หนีบ  สามารถเข้ารับบริการได้ ที่ 

  1. สาขา Gateway Ekamai (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 9000
  2. สาขา The walk ราชพฤกษ์ (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 7000
  3. สาขา เซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000

ทำไมควรทำ CoolSculpting ที่ V Square Clinic ?

  1. ดูแลและให้คำแนะนำโดยแพทย์และ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ CoolSculpting มานานกว่า 3 ปี
  2. ห้องที่ทำ CoolSculpting มีขนาดอย่างน้อย 20 ตร.ม. ไม่อึดอัด
  3. ใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อป กว้างพิเศษ เพื่อความสบายสูงสุดของลูกค้าในช่วงเวลาที่ทำหลายชั่วโมง
  4. เพิ่มเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
  5. การันตีช่วงโปรโมชั่นถูกที่สุดในท้องตลาด โดยไม่มีโปรโมชั่นแอบแฝง

Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน ที่ไหนดี ? 

จะเลือกทำ coolsculpting แขน ที่ไหนดี ถึงน่าเชื่อถือและปลอดภัย ? โดยทั่วไปแล้วสามารถเช็กได้เบื้องต้นจาก

  1. ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิก ต้องมีใบรับรองที่ถูกต้อง สถานที่สะอาด มีพื้นที่ไม่คับแคบ ใช้เครื่อง coolsculpting ของแท้
  2. ดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ
  3. มี Review จากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้
  4. Coolsculpting Price สมเหตุสมผล หากถูกเกินไปอาจเป็นเครื่องปลอม หรือเลียนแบบได้ครับ

ถ้าเลือกคลินิกที่ดีและได้มาตรฐานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนครับ 


สรุป

การทำ Coolsculpting สลายไขมันต้นแขน เป็นวิธีที่ลดไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขนได้อย่างถาวร ช่วยให้ต้นแขนเล็ก เรียว สวยงามขึ้นได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตราย หรือเจ็บตัวจากการผ่าตัด ใครที่สนใจทํา Coolsculpting หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือเท่านั้นครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา