Coolsculpting Elite
Coolsculpting Elite คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ? บทความนี้มีคำตอบ
ใครที่สนใจวิธีการสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting ถือเป็นตัวช่วยที่ดีครับ เพราะมีความปลอดภัยสูง มีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับ โดยล่าสุดออกเครื่อง Coolsculpting Elite นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นใหม่ล่าสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น
Coolsculpting Elite ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างไร ? ทำส่วนไหนได้บ้าง ? มีข้อดี – ข้อเสียอะไรบ้าง ? หมอรวบรวมข้อควรรู้ทั้งหมดมาให้แล้ว พร้อมตอบทุกข้อสงสัย กี่วันเห็นผล ? ทำส่วนไหนได้บ้าง ? อยู่ได้นานไหม ? ทำที่ไหนดี ? รวมถึงต่างจากการดูดไขมัน และหัตถการอื่น ๆ อย่างไร ? ราคาค่าใช้จ่าย และข้อควรรู้การดูแลตัวเองก่อน-หลังทำทั้งหมดครับ
สารบัญ Coolsculpting Elite
Coolsculpting Elite คืออะไร ?
Coolsculpting Elite คือ เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ระดับจุดเยือกแข็งตั้งแต่ -11 ถึง -13 °C (องศาเซลเซียส) เวอร์ชันใหม่ที่พัฒนามาจากเครื่อง CoolSculpting รุ่นเดิม ที่ยังคงประโยชน์ในการกำจัดเซลล์ไขมันได้เหมือนกัน แต่มีการดีไซน์รูปร่างหน้าตา และเพิ่มประสิทธิภาพการสลายไขมัน และหัวหนีบให้สามารถตอบสนองความต้องการ รองรับสรีระของคนไข้ได้หลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น
โดยทั้งเครื่อง CoolSculpting Elite และ เครื่อง CoolSculpting ยังเป็นพลังงานสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ Cryolipolysis ความเย็น สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินหรือเซลลูไลท์อย่างตรงจุด โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม ช่วยทำให้มีรูปร่างที่ดี สัดส่วนสวยงามขึ้นได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาการทำงาน และยังเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วครับ
Coolsculpting Elite ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
โปรแกรม Coolsculpting Elite สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้อย่างถาวร ช่วยให้ไขมันลดลง ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีสัดส่วนที่สมส่วนขึ้น โดยสามารถลดการสะสมของไขมันส่วนเกินได้ในหลายตำแหน่งของร่างกาย ได้แก่
- สลายไขมันบริเวณใบหน้า เหนียง ใต้คาง
- สลายไขมันหน้าท้อง ลดหน้าท้อง แก้ปัญหาอ้วนลงพุง
- สลายไขมันลดเอว (ห่วงยาง) ทั้ง รอบเอวและด้านข้าง หน้าท้องล่าง
- สลายไขมันนมน้อย หรือ หน้าอกผู้ชาย
- สลายไขมันต้นแขน ลดต้นแขนใหญ่ ลดแขนย้วย แขนห้อย
- สลายไขมันต้นขา ไขมันเหนือหัวเข่า ลดต้นขาใหญ่ แก้ปัญหาขาเบียด ขาใหญ่
- สลายไขมันลดสะโพก ลดก้น ไขมันใต้กัน หรือ Banana roll
- สลายไขมันลดปีกหลัง หรือ Fat Bra
Coolsculpting Elite เหมาะกับใคร ?
การทำ CoolSculpting Elite และ CoolSculpting จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดจำนวนเซลล์ไขมันลงอย่างถาวร โดยเฉพาะการลดสัดส่วนเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ห่วงยาง ต้นแขน ต้นขา
- เหมาะกับผู้มีปัญหาสุขภาพ ไม่สะดวกออกกำลังกายที่ใช้แรงเยอะ
- เหมาะกับผู้ที่พยายามลดไขมันด้วยการออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมอยู่ เช่น คุณแม่หลังคลอด มีไขมันสะสมที่หน้าท้อง
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย
ในกรณีที่มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป การทำ CoolSculpting Elite จะเห็นผลน้อยและช้าครับ จึงไม่แนะนำให้ทำในผู้ที่มีน้ำหนักมากและค่า BMI มากกว่า 35 ครับ
Coolsculpting Elite มีกี่หัว แต่ละหัวแตกต่างกันอย่างไร ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
หัวหนีบ หรือ แอปพลิเคเตอร์ Coolsculpting Elite จะแตกต่างจาก หัว Coolsculpting เดิม โดยมีหัวยิงเพิ่ม จาก 5 หัว เป็น 7 หัว เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะกับบริเวณที่ทำมากขึ้น และแนบสนิทกับผิวได้มากขึ้น ดังนี้
- หัว Applicator ที่เหมาะพื้นที่ที่มีความเว้า(Curve Series )
- หัว Applicator Curve 80 เป็นหัวขนาดเล็กที่ช่วย กำจัดไขมันในตำแหน่งที่ยากต่อการเข้าถึง โดยเน้นสลายไขมันที่สะสมบริเวณใต้คาง เหนียง รวมถึงไขมันบริเวณเหนือหัวเข่า บริเวณนมน้อย ซึ่งมีปริมาณไขมันไม่มาก
- หัว Applicator Curve 120 ช่วยในการสลายไขมันบริเวณที่หลาย ๆ คนกังวล เช่น ต้นขาด้านใน แขน หน้าท้อง รักแร้ลงมาถึงเอว
- หัว Applicator Curve 150 นิยมนำมาใช้ลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง บั้นท้าย สะโพก ก้น รวมถึงบริเวณปีกหลังใต้สายเสื้อใน
- หัว Applicator Curve 240 ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกินสะสมไม่มาก ช่วยทำให้สัดส่วนบริเวณนั้นกระชับมากยิ่งขึ้น หัวนี้จะมีความละเอียดสูง ช่วยกำจัดไขมันสะสมเล็กน้อยให้สมบูรณ์มากขึ้น
- หัว Applicator ที่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความเรียบแบน ( Flat Series)
- หัว Applicator Flat 125 สลายไขมันส่วนเกินในบริเวณ ต้นขาด้านใน แขน และใบหน้า
- หัว Applicato Flat 165 ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันได้ในบริเวณหน้าท้องส่วนบน และส่วนล่าง
- หัว Applicator ที่เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่สามารถหนีบหรือจับได้
- หัว Applicator Surface 150 กำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง และต้นขาด้านนอก
ความเหมาะสมในการใช้ยังขึ้นอยู่อยู่กับผู้เชี่ยวชาญ โดยจะต้องประเมินปัญหาของคนไข้ในแต่ละราย แพทย์จะให้คำแนะนำ พร้อมออกแบบสัดส่วนตามที่คนไข้ต้องการ ซึ่งแต่ละคนอาจใช้งานหัวหนีบต่างกันครับ
Coolsculpting Elite นวัตกรรมใหม่ล่าสุด มีกระบวนการทำงานอย่างไรบ้าง ?
หลักการทำงานของ Coolsculpting Elite เหมือนกับ Coolsculpting เดิมเลยครับ คือ เป็นการใช้ความเย็นส่งผ่านผิวหนังลงไปชั้นไขมัน โดยใช้หัว Applicator หนีบชั้นไขมันเข้าไปในหัว แล้วปล่อยความเย็น -11 ถึง -13°C นาน 35 นาที เพื่อ Freeze เซลล์ไขมันให้ตายและเป็นผลึกน้ำแข็ง
จากนั้นจะใช้การนวด เพื่อช่วยให้ก้อนไขมันแตกตัว ก่อนจะสลายตัวไปตามระบบของร่างกาย โดยเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะถูกขับออกไปเองตามธรรมชาติ เช่นการปัสสาวะ หรือการขับถ่าย ทำให้ไขมันในบริเวณนั้นลดลง ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีขึ้นได้
จุดเด่นที่ทำให้ Coolsculpting Elite ดีกว่า Coolsculpting รุ่นอื่น ๆ
Coolsculpting Elite ต่างจาก Coolsculpting รุ่นเดิม ตรงที่มีการพัฒนาหัว Applicator ขึ้นมาใหม่ เพื่อที่สามารถรองรับสรีระ ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ยาก เพิ่มขึ้น จึงช่วยให้กำจัดไขมันได้ทุกสัดส่วนที่คนไข้ต้องการได้ครับ
นอกจากนี้หัว Applicator ยังมีการพัฒนาการสัมผัสให้เครื่องมือแนบสนิทกับผิวได้ ถึง 96% ทำให้ความเย็นกระจายได้ทั่วถึงทุกจุด
โดยทั้ง Coolsculpting Elite และ Coolsculpting รุ่นเดิม ล้วนเครื่องมีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ในกรณีที่ต้องการลดสัดส่วนในตำแหน่งยอดนิยม เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ทั้ง 2 เครื่องให้ผลลัพธ์ดีไม่ต่างกัน รวมถึงขณะทำไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์อื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างและไม่พาดพิงไปถึงเซลล์อื่น ๆ ที่อยู่ในร่างกายเช่นกันครับ
ข้อดี – ข้อเสีย ข้อควรรู้ และการเตรียมตัว ก่อนทำ Coolsculpting Elite
- ข้อดี ของการทำ Coolsculpting Elite คือเป็นหัตถการที่ไม่ต้องเตรียมตัวให้ยุ่งยาก คนไข้ไม่ต้องงดหรืออดอาหาร ไม่ต้องงดการรับประทานวิตามิน สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำได้ตามปกติเหมือนก่อนทำ treatment ทั่วไป
- ข้อเสีย ของการทำ Coolsculpting Elite คือไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ความเย็น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ ผู้ที่เป็นไส้เลื่อน รวมถึงผู้ที่ติดอุปกรณ์ใด ๆ ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ
นอกจากนี้ ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร ผู้หญิงอยู่ในช่วงระหว่างเป็นประจำเดือน และผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดในบริเวณที่จะทำการรักษา ก็ไม่ควรทำ CoolSculpting Elite ครับ
สำหรับขั้นตอนในการกำจัดไขมันด้วยความเย็นด้วยโปรแกรม CoolSculpting Elite กับ CoolSculpting จะไม่แตกต่างกันครับ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- คนไข้ปรึกษาแพทย์ แจ้งความกังวลใจ และบริเวณที่ต้องการลดสัดส่วน ชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน เพื่อพิจารณาและวางแผนการรักษา และถ่ายภาพ วัดสัดส่วนก่อนรับบริการ
- ทำความสะอาดผิว พร้อมทำเครื่องหมายบริเวณที่ติดหัว Applicator
- เริ่มทำการกำจัดไขมันด้วยความเย็นด้วยโปรแกรม CoolSculpting Elite โดยแพทย์ หรือ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ ใช้เวลาทำนานประมาณ 35 นาที
- ผู้เชี่ยวชาญจะทำการนวด 2 นาที ให้ก้อนไขมันแตกละเอียด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์
- แพทย์แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำอย่างใกล้ชิด และอาจมีการนัดหมายติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
ทำ Coolsculpting Elite เจ็บไหม ? อันตรายไหม ?
การสลายไขมันด้วยเครื่อง coolsculpting elite ไม่เจ็บครับ และมีความปลอดภัยสูง เช่นเดียวกับเครื่อง Coolsculpting รุ่นเดิม ทั้ง 2 รุ่น ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ว่ามีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย และไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก เนื่องจากมีระบบ Freeze detect ที่เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป ซึ่งถ้าเป็นเครื่องเลียนแบบเกรดต่ำยี่ห้ออื่น ๆ มักจะเจอผลข้างเคียงเรื่องผิวไหม้จากความเย็นได้ง่ายครับ
ด้านความรู้สึกขณะทำในช่วง 10 นาทีแรก คนไข้อาจมีความรู้สึกชาบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นจะค่อย ๆ หายไปเอง ระหว่างทำคนไข้สามารถนั่งเล่น อ่านหนังสือ ดูมือถือได้สบาย ๆ ไม่ต้องกังวลเลยครับ
Coolsculpting Elite รีวิว
ตัวอย่างรีวิวผลลัพธ์หลังทำ coolsculpting elite
หลังทำ Coolsculpting Elite ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำ จะบวมในจุดที่เซลล์ไขมันมันตายและค้างอยู่ เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง จากนั้นจะค่อยยุบบวมได้เองในช่วง 7-10 วันครับ
ตัวอย่างรีวิวผลลัพธ์หลังทำ coolsculpting
ทำ Coolsculpting Elite กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ?
การกำจัดไขมันด้วยความเย็นด้วย CoolSculpting Elite สามารถเห็นผลว่าสัดส่วนและรูปร่างจะลดลงภายใน 3 – 4 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน ครับ หากยังไม่พอใจกับรูปร่าง สามารถทำซ้ำเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ด้านการคงผลลัพธ์อยู่ได้ไหม ? การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้น ไม่ได้เป็นการลดขนาดเซลล์ไขมันให้ฟีบลงเหมือนการลดน้ำหนักทั่วไป แต่ผลลัพธ์ CoolSculpting Elite และ CoolSculpting เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกไปอย่างถาวรครับ
ข้อห้ามและการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting Elite
หลังทำ Coolsculpting Elite อาจมีอาการปวดจากความเย็น คล้ายการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์ แต่อาการเหล่านี้จะหายค่อย ๆ หายไปเองครับ คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ส่วนการดูแลตัวเองหลังทำ coolsculpting elite ทั่วไป หมอแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกาย
ทำ Coolsculpting มีผลข้างเคียงไหม ทำแล้วไม่ได้ผลเกิดจากอะไร ?
Coolsculpting ทั้ง 2 รุ่น เป็นเทคโนโลยีการลดสัดส่วนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียงน้อย โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ถือเป็นอาการปกติครับ เช่น
- ผิวเขียวช้ำ ระบม โดยเฉพาะคนผิวขาว ผิวบาง อาจเห็นได้ชัด เนื่องจากการทำ coolsculpting เป็นการแช่แข็งไขมัน จำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลงซึ่งหลังนวดอาจมีอาการเขียวช้ำได้ในบางเคสครับ
- ปวดบวม ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำ อาจจะมีอาการบวมในจุดที่เซลล์ไขมันตายและค้างอยู่บ้าง เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไป โดยบวมจะค่อยยุบลง จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้น ใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับ
ด้านผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อันตราย และมักมาจากการใช้เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐานครับ ปัจจุบัน Fat Freezing Treatment ในคลินิกเสริมความงาม มีการใช้เครื่องหลายรุ่นครับ ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็นเช่นกัน ซึ่งเครื่องบางรุ่น บางยี่ห้อ อาจไม่มีได้มาตรฐาน หรือเป็นเครื่องปลอม
กรณีใช้เครื่องปลอม เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน หลังทำอาจทำให้เกิดผิวหนังไหม้จากความเย็น หรือ Freeze Burn ได้ เพราะไม่มีระบบ Freeze Detect ที่คอยตรวจความเย็นบนชั้นผิวไม่ให้มีมากเกินไป และเครื่องจะหยุดทำงานทันที ซึ่งเป็นเครื่องเลียนแบบ ไม่ใช่เครื่อง coolsculpting ของแท้ ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทยและสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ส่วนมากจะเจอในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานครับ
เปรียบเทียบ Coolsculpting Elite กับ การดูดไขมัน
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกวิธีการในการลดสัดส่วนด้วยการ CoolSculpting VS ดูดไขมัน จะเลือกทำแบบไหนดี จริง ๆ ทั้ง 2 วิธีมีความเหมาะสมที่ต่างกันครับ
CoolSculpting Elite ไม่ใช่การลดน้ำหนัก
- เหมาะสำหรับเคสที่ BMI<35 ไม่จำเป็นต้องดูดไขมัน เนื่องจากการทำ CoolSculpting สามารถให้ผลแบบเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และผลข้างเคียงต่าง ๆ น้อยกว่ามาก
- ไม่มีแผล ไม่ต้องวางยาสลบ
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ เพียงแต่ในช่วง 2 อาทิตย์แรกบริเวณสัดส่วนที่ทำจะบวม และรู้สึกปวดระบม เนื่องจากมีก้อนเซลล์ไขมันที่ตายยังตกค้างอยู่ในผิวหนัง โดยประมาณ 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนยุบลง ยุบเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือนครับ
การดูดไขมัน น้ำหนักจะลดลง
- การดูดไขมันน้ำหนักจะลดลง 2-10 kg ทันทีหลังทำเนื่องจากดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก เหมาะสำหรับเคสที่ BMI>35 เพราะต้องกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมาก
- หลังทำมีแผล 3-5 mm ขณะทำต้องใช้ยาสลบหรือฉีดยาชาระงับความรู้สึกปริมาณมากในทุกจุดที่ดูดไขมัน
- หลังทำมักจะมีอาการเขียวช้ำค่อนข้างมาก และขณะทำมีความเสี่ยงที่จะเกิด fat embolism (ก้อนไขมันพลัดเข้าไปในเส้นเลือดและไปอุดตัน) ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการดูดไขมันควรทำในสถานพยาบาล-โรงพยาบาลที่มีความพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้นครับ
หัตถการลดไขมันและสัดส่วน อื่น ๆ นอกจากการทำ Coolsculpting Elite
สำหรับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ยังมีหัตถการอื่น ๆ ที่ช่วยลดสัดส่วนได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน ดังนี้
Thermage FLX ตัว
เครื่อง Thermage FLX เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวโดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ มีหัวใหญ่สำหรับการกระชับผิวส่วนเกินตามแขนขาหน้าท้อง
เหมาะสำหรับจุดที่มีปริมาณไขมันไม่มาก แต่มีผิวหนังส่วนเกินชั้นบนเยอะ เช่น คนที่ลดน้ำหนักแล้วผิวไม่กระชับ คนที่ดูดไขมันแล้วผิวไม่กระชับ หรือคุณแม่หลังคลอด
ตัวอย่างผลการรักษาผิวหนังส่วนเกินชั้นตื้นบริเวณหน้าท้องด้วย Thermage FLX for body
Hifu Macrofocus
Hifu Macrofocus เป็นนวัตกรรมความงามที่ให้ผลทางด้านลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้าและร่างกาย โดยเครื่อง Hifu Ultraformer III จะมีหัวยิงที่ระดับความลึก 6 mm, 9 mm, 13 mm สำหรับแก้ไขปัญหา Cellulite ที่อยู่ในผิวชั้นลึก ประมาณ 2 cm จึงเหมาะกับคนที่ชั้นไขมันไม่มาก แต่มีความหย่อนคล้อยที่มีปัญหามาจากผิวชั้นลึกประมาณ 2 cm
ตัวอย่างผลการรักษา cellulite บริเวณหน้าท้องด้วยเครื่อง Ultraformer III
Meso Fat
Meso fat คือ การฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมัน เป็นวิธีการลดไขมันและลดเซลลูไลท์เฉพาะจุดแบบไม่ต้องผ่าตัด เพื่อช่วยลดและกระชับสัดส่วน มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถออกฤทธิ์ในการ สลายเซลล์ไขมัน เมื่อฉีดเข้าตามจุดต่าง ๆ
นิยมใช้ฉีดทำหน้าเรียว ฉีดลดแก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก ไขมันในบางจุดที่ถึงแม้จะออกกำลังกาย คุมอาหารแล้วก็ยังลดยาก ลดไม่ค่อยลง ในบางเคสอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฉีดเมโสแฟตแล้วเห็นผลดีมาก บางคนไม่เห็นผลน้อยต้องกลับมาฉีดซ้ำก็มีครับ
Coolsculpting Elite ราคาเท่าไร ?
Coolsculpting Elite ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนหนีบที่ทำครับ สำหรับ ที่ V Square Clinic จะใช้เครื่อง CoolSculpting โดยราคาจะอยู่ที่ 8,500.-/1 หนีบ ครับ
เครื่อง CoolSculpting ของ V Square Clinic ตอนนี้มีอยู่ที่สาขาดังนี้ครับ
- สาขา Gateway Ekamai (Bangkok) โทรนัดคิว 099 005 9000
- สาขา สยามสแควร์วัน (Bangkok) โทรนัดคิว 093 110 9000
- สาขา เซ็นทรัลบางนา โทรนัดคิว 099 105 9000
ทำ Coolsculpting Elite ที่ไหนดี ?
ทำ Coolsculpting Elite ที่ไหนดี ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังนี้
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบรับรองอย่างถูกต้อง
- ทำ coolSculpting elite กับแพทย์ที่มีประสบการณ์
- ใช้เครื่อง coolSculpting elite ของแท้ เท่านั้น
- ดูรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
- ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงเกินไปหรือถูกเกินจริง
สรุป
สำหรับใครที่สนใจทำ CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting elite และ coolsculpting รุ่นเดิม มีระบบการทำงานที่มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนไม่แตกต่างกันครับ หัวใจสำคัญอยู่ที่ทำที่ไหน กับใคร ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ คนไข้ต้องมั่นใจว่าทั้ง 2 เครื่องนี้เป็นเครื่องแท้ และทำโดยแพทย์หรือผู้ชำนาญการเฉพาะเครื่องเท่านั้น ถึงจะปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่ดีคุ้มค่าครับ
