ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลดี ใต้ตาเต็มสวย ? ใช้ปริมาณเยอะเกินไป ส่งผลอะไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลดี ใต้ตาเต็มสวย ? ใช้ปริมาณเยอะเกินไป ส่งผลอะไรบ้าง ? ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละคนถึงใช้ปริมาณ CC ที่ไม่เท่ากัน ? ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?

ในคนที่มีปัญหาใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่หมอแนะนำมากที่สุดครับ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด และเห็นผลไวกว่าเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ ช่วยให้ขึ้นใต้ตาดูสดใส ใต้ตาที่เคยลึกโบ๋กลับมาตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การจะเห็นผลลัพธ์ที่สวยงามและชัดเจนได้นั้น จะต้องใช้อาศัยประสบการณ์ของแพทย์ร่วมด้วยครับ เพราะหากใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่พอดีกับปัญหา ใช้จำนวน CC เยอะหรือน้อยเกินไปก็จะทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดไม่เป็นไปตามที่คาดหวังได้ 

บทความนี้หมอจะมาให้คำตอบ พร้อมแนะนำวิธีเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามคาดหวังมาฝากกันครับ

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC 

1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลดี ใต้ตาเต็มสวย ?
2. ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละคนถึงใช้ปริมาณ CC ที่ไม่เท่ากัน ?
3. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?
   • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สวีเดน
   • ฟิลเลอร์ Juvederm อเมริกา
   • ฟิลเลอร์ Belotero สวิตเซอร์แลนด์
4. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยปริมาณ CC ที่ไม่พอดีกับปัญหาส่งผลอย่างไรบ้าง ?
5. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?
6. ฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร ?
7. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี พิจารณาอะไรบ้าง ?
   • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
   • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา CC ละเท่าไหร่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลดี ใต้ตาเต็มสวย ?

การแก้ปัญหาใต้ตา โดยส่วนมากจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแล้วครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย หมอจะประเมินเป็นเคส ๆ ไป เช่น ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ ใต้ตาลึก หมออาจพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้น อาจจะใช้ข้างละ 2-3 CC หรือในเคสที่มีปัญหาใต้ตาน้อย ๆ ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC สำหรับฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้

ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละคนถึงใช้ปริมาณ CC ที่ไม่เท่ากัน ?

เหตุผลที่แต่ละคนใช้ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เท่ากัน เป็นเพราะปัญหาใต้ตาเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งในแต่ละคนก็มีปัญหาที่มากน้อยต่างกันออกไป ทั้งความลึกใต้ตา ริ้วรอย ความคล้ำของใต้ตา รวมถึงอายุที่มากขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกันครับ

ในคนที่มีอายุเยอะมีปัญหากระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ หมออาจพิจารณาใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากขึ้น อาจจะใช้ข้างละ 2-3 CC หรือในเคสที่มีอายุยังน้อย มีปัญหาใต้ตาไม่เยอะมาก ก็จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อยลงครับ 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?

ฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ควรเป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงตัว เนื้อไม่ฟูจนเกินไป มีความเป็นธรรมชาติ เพราะผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบาง ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อฟูมาก จะทำให้ตาบวม ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือฉีดออกมาแล้วเป็นก้อน ไม่เรียบเนียนได้ครับ

สำหรับฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อที่หมอแนะนำ คือ ฟิลเลอร์ Restylane, ฟิลเลอร์ Juvederm และฟิลเลอร์ Belotero

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สวีเดน  

• Restylane Perlane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้ 12 เดือน 
• Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้ 18 เดือน 
• Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง อยู่ได้ 6-12 เดือน 
• Restylane  classic ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึกสำหรับคนผิวบาง อยู่ได้ 12 เดือน 
• Restylane Vital ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm อเมริกา

• Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้ 8-12 เดือน 
• Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 18 เดือน 
• Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง คงรูปได้ดี ปั้นขึ้นรูปได้ง่ายและอยู่ได้นานที่สุด ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้ 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ Belotero สวิตเซอร์แลนด์

• Belotero volume ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 18 เดือน 
• Belotero Revive ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยลดริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ อยู่ได้ 6-9 เดือน

ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ทุกตำแหน่ง ก่อนฉีดแพทย์จะเป็นคนแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมเป็นเคส ๆ ไปครับ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และเลือกใช้เทคนิคการฉีด รวมถึงประเมินถึงสาเหตุได้อย่างถูกต้อง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยปริมาณ CC ที่ไม่พอดีกับปัญหาส่งผลอย่างไรบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยปริมาณ CC ที่ไม่พอดีกับปัญหา ไม่ได้ส่งผลข้างเคียงที่อันตราย แต่จะส่งผลต่อการแสดงผลลัพธ์ครับ 

• หากใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ CC เยอะเกินไป เวลายิ้มจะทำให้ใต้ตาดูบวมเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ 
• หากใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ CC น้อยเกินไป ก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน 

ซึ่งจากประสบการณ์ของหมอ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณ 2-4 CC ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมครับ ไม่ควรมากหรือน้อยไปกว่านี้ 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น 

1. แพทย์เลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม

ใต้ตาเป็นบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อยและมีลักษณะบอบบาง ดังนั้นการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมคือ ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่ม และไม่ฟูมากจนเกินไป สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี หลังฉีดจะช่วยให้ผิวเรียบเนียน แต่หากเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่ฟูเกินไป จะทำให้ยิ้มแล้วใต้ตาเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ครับ 

แต่ในกรณีที่คนไข้มีปัญหาใต้ตาลึกมาก มีการทรุดตัวของกระดูกและไขมัน ก็จะแนะนำฟิลเลอร์ที่เนื้อมีความคงตัวสูง เพื่อฉีดหนุนในชั้นกระดูก ใต้ตาก็จะดูเต็มขึ้นครับ 

2. ฉีดฟิลเลอร์ปลอม

ฟิลเลอร์ปลอมจำพวกซิลิโคนเหลว Calcium Hydroxylapatite, Polymethylmethacrylate, Biosynthetic Polymers ฟิลเลอร์จำพวกนี้เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ถาวร ไม่สามารถสลายได้ หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ดีในช่วงแรก แต่พอนาน ๆ ไปฟิลเลอร์จะจับตัวเป็นก้อน ทำให้ใต้ตาดูบวม ย้อย เกิดฟิลเลอร์ไหล หรือกลายเป็นพังผืด วิธีแก้ไขคือต้องผ่าออก หรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งหมอไม่แนะนำให้ใช้ครับ

3. แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

ตำแหน่งใต้ตา เป็นจุดที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากครับ เพราะเป็นจุดที่เมื่อเป็นก้อนแล้วจะสังเกตได้ชัด ถ้าแพทย์ฉีดผิดชั้นผิวโดยฉีดในชั้นกล้ามเนื้อที่ตื้นเกินไป จะทำให้เห็นฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้

4. ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณ 2 -4 CC จะเป็นปริมาณที่เหมาะสมครับ ไม่ควรมากไปกว่านี้ เพราะบริเวณใต้ตาเป็นบริเวณที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด หากใช้ปริมาณ CC เยอะเกินไป เวลายิ้มจะทำให้ใต้ตาดูบวมเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติครับ

ฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร ?

วิธีแก้ไขปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มีด้วยกัน 3 วิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสม และปลอดภัยในแต่ละเคส ดังนี้ครับ

1. ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดสลายฟิลเลอร์ คือการนำไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) มาฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนครับ แต่จะฉีดสลายได้แค่ฟิลเลอร์แท้ที่เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เท่านั้น ซึ่งตัวไฮยาลูโรนิเดส เป็นสารที่ไม่มีอันตรายครับ ฉีดไปแล้วไม่กระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ หลังฉีดสลายจะเห็นผลทันทีในบางส่วน และจะเห็นผลต่อเนื่องใน 1-3 วัน หากต้องการฉีดฟิลเลอร์เพิ่ม ควรเว้นระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังฉีดสลายไปแล้ว

2. ขูดฟิลเลอร์

การขูดฟิลเลอร์จะใช้กับคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมชนิดซิลิโคนเหลว  Polyamine (Aqualift), Hydrofilic gel ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ และเมื่อขูดแล้วอาจจะไม่สามารถเอาออกได้หมด เห็นผลเพียง 60-70% เท่านั้น

3. ผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก

การผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก ใช้ในกรณีที่คล้าย ๆ กับการขูดฟิลเลอร์ครับ คือคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนเหลวมาแล้วเป็นก้อนขนาดใหญ่และแข็งมาก รวมไปถึงผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์มานานจนเป็นพังผืดเกาะ ซึ่งการผ่าตัดส่วนใหญ่จะไม่สามารถเอาฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด และในการผ่าตัดจะต้องระวังทั้งเรื่องของเส้นประสาท เส้นเลือดสำคัญต่าง ๆ ควรทำกับแพทย์ศัลยกรรมในโรงพยาบาลครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี พิจารณาอะไรบ้าง ?

• ควรเลือกคลินิกได้มาตรฐาน ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข ติดแบบแสดงรูปถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิก สะอาด ปลอดภัย
• แพทย์ที่ทำหัตถการจะต้องมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้า และต้องเป็นแพทย์จริง โดยสามารถตรวจสอบจากชื่อ-นามสกุลของแพทย์ท่านนั้น คนไข้สามารถตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ ที่นี่
• ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. ปลอดภัย นำเข้าและเก็บรักษาอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบเลข Lot. ได้ 
• ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่อง และหลอดฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรเก็บกล่องและหลอดฟิลเลอร์กลับบ้าน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้จริง ๆ ครับ 
• มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ และไม่สามารถลบออกได้ เช่น รีวิวติดดาวบน Facebook Fanpage, Pantip Review, Google Maps และต้องเป็นรีวิวที่อัปเดตเป็นปัจจุบัน ซึ่งจะแสดงถึงความนิยม มีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

• แพทย์ทุกท่านมีประสบการณ์ด้านการฉีด Filler ใต้ตาโดยเฉพาะ มีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภา 
• ทีมแพทย์ทุกคน มีการเทรนนิ่ง อัปเดตความรู้เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับความพึงพอใจที่สุด
• ปรึกษาปัญหากับแพทย์โดยตรง ไม่ผ่านเซลส์ โดยแพทย์จะประเมินปัญหาใบหน้าของคนไข้เป็นรายบุคคลตามปัญหาผิวหน้าจริง ไม่ยัดเยียดคอร์ส
• แก้ไขปัญหาตรงจุด ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มทุกความมั่นใจให้คุณ “Feel Your Confidence”
• มีการติดตามผลหลังทำทุกเคส 
• ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า ให้กล่องกลับบ้าน คนไข้สามารถนำไปตรวจสอบกับผู้นำเข้าได้ทุกกล่อง 
• ฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเฉพาะของ V Square Clinic วิเคราะห์และออกแบบการปรับรูปหน้าด้วยศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ (Fine Art of Filler) หมอมือเบา ช้ำน้อย ไม่มีปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนในภายหลัง
• คลินิกอยู่ในห้าง มีสาขาครอบคลุมทั่วกรุงเทพ เดินทางสะดวก  

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา CC ละเท่าไหร่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา CC จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ-รุ่น-ปริมาณที่ใช้ รวมถึงฝีมือ/ประสบการณ์ของแพทย์แต่ละท่านครับ โดยทั่วไปหากเป็นฟิลเลอร์แบรนด์ดังที่แพทย์ทั่วโลกนิยมใช้ และฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ 13,000.-/cc โดยประมาณครับ 

สำหรับราคาโปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อที่แนะนำ คือ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm (อเมริกา), ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane (สวีเดน) และ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์) โดยแต่ละยี่ห้อจะมีราคาดังนี้ครับ

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนครับ ก่อนตัดสินใจฉีดคนไข้ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์เพื่อจะได้เลือกชนิดฟิลเลอร์และคำนวณปริมาณ cc ที่เหมาะสมให้ ที่สำคัญคือต้องมั่นใจด้วยว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ และแพทย์ต้องมีประสบการณ์ เพื่อให้ฉีดออกมาแล้วผลลัพธ์สวย ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยมากที่สุดครับ

คนไข้ท่านใดที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ทีมแพทย์ที่ V Square Clinic ยินดีให้คำปรึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามาปรึกษาโดยตรงกับแพทย์ประจำสาขา หรือสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ หมอจะเป็นคนตอบเองทุกเคสครับ 

---

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ