ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไรบ้าง ? มีข้อดี – ข้อเสีย อะไรบ้าง ? ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ? แบบไหนอยู่ได้นานกว่ากัน เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ?
ใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่ทำแล้วเห็นผลชัดเจน และลังเลว่าระหว่างฉีดไขมันใต้ตากับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอันไหนดี ? หัตถการไหนเห็นผลคุ้มค่ากว่ากัน ? ในบทความนี้หมอจะมาเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองหัตถการมาให้ติดตามอ่านกันครับ เพื่อไว้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่เหมาะสม คนไข้สามารถติดตามอ่านได้ครับ
สารบัญ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไร ?
ฉีดไขมันใต้ตากับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะเป็นหัตถการที่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ทั้งคู่ แต่ก็มีความต่างกันอยู่ครับ ทั้งในแง่ของผลลัพธ์, ขั้นตอนการทำ, ระยะเวลาเห็นผล, เทคนิคการฉีด, ความเจ็บระหว่างทำ, ระยะเวลาพักฟื้น รวมถึงผลข้างเคียงหลังฉีดก็จะมีความต่างกันด้วยครับ
ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา (Under-Eye Fat Transfer) จะเป็นการนำไขมันของคนไข้มาฉีดบริเวณใต้ตา จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม จึงช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ได้ครับ โดยไขมันที่นำมาใช้จะเป็นไขมันส่วนเกินจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้องของคนไข้เอง เมื่อได้ปริมาณไขมันที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จะนำไปปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาแล้วนำไปผสมกับเนื้อเยื่อไขมัน จึงจะนำไปฉีดได้ครับ
หลังฉีดไขมันใต้ตา คนไข้จะมีอาการบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะยุบบวม ใบหน้าเข้าที่ใน 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี แต่ในการฉีดไขมันใต้ตาครั้งแรกมักจะไม่เห็นผล เพราะโดยธรรมชาติไขมันเป็นสารที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ หากต้องการให้ได้ผลดี คนไข้จะต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้ง นั่นหมายถึงคนไข้จะต้องเจ็บตัวหลายครั้งครับ และการฉีดไขมัน ไม่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้าเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) เป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด เห็นผลชัดเจน ปลอดภัยสูง และได้รับความนิยมมากที่สุดครับ โดยฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่อมีอายุมากขึ้น
การฉีด Filler ใต้ตาเป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุดที่สุด ทั้งริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ หลังฉีดจะเห็นผลทันที จากนั้นใน 4-5 วันจะค่อย ๆ เห็นผลชัดขึ้น และเห็นผลลัพธ์เข้าที่ชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ เป็นหัตถการที่ไม่มีแผล ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวชุ่มชื้น ดูสดใสขึ้นครับ
ฉีดไขมันได้ตา กับ ฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไรบ้าง ?
ข้อดี – ข้อเสียของการฉีดไขมันใต้ตา
ข้อดี
- ลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ เพราะการฉีดไขมันใต้ตา จะเป็นการใช้ไขมันของตัวคนไข้เองมาฉีด ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม จึงช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ได้
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถือว่าพักฟื้นน้อยมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
- ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า 1 ปี (ขึ้นอยู่กับบุคคลและเทคนิคที่ใช้ปลูกไขมัน)
ข้อเสีย
- มีกระบวนการทำที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สามารถทำได้ทันทีเหมือนการฉีดฟิลเลอร์ เพราะต้องมีการตรวจเช็กไขมัน ดูดไขมันออกมา และปั่นแยกเป็นของเหลว ก่อนนำมาใช้ฉีดไขมันใต้ตา
- มีแผลในตำแหน่งที่ดูดไขมัน
- ผลลัพธ์ในการทำครั้งแรกมักไม่เห็นผลชัดเจน หากต้องการได้ผลดี ต้องทำซ้ำอย่างน้อย 2-3 ครั้ง
- ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาที่มีสาเหตุจากการยุบตัวจากกระดูก ต้องฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น
- มักพบปัญหาผิวเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบในภายหลัง เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมไขมันไปใช้ได้
ข้อดี – ข้อเสียของการฉีด Filler ใต้ตา
ข้อดี
- หลังฉีดเห็นผลทันที และชัดเจนที่สุด ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ครอบคลุม ทั้งริ้วรอย ถุงใต้ตา ร่องลึกที่เกิดจากชั้นไขมันใต้ตาเกิดการยุบตัว เนื่องจากอายุที่มากขึ้น โรคภูมิแพ้ พันธุกรรม หรือริ้วรอยบนผิวชั้นตื้นที่เกิดจากผิวหน้าแห้งกร้าน
- ฟิลเลอร์แท้ (HA) เป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก อย. ฉีดแล้วไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
- สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถใช้หน้าได้ ในบางเคสอาจมีอาการบวมเข็มหลังฉีด แต่จะหายได้เอง ใน 2-3 วัน
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เจ็บตัวน้อย
- คุณสมบัติอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
- อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
- เมื่อฟิลเลอร์สลาย สามารถกลับมาเติมใต้ตาได้เรื่อย ๆ โดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย
- หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้นาน 6-24 เดือน เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
- หากไม่ได้ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผิวอักเสบ ติดเชื้อ
บทความแนะนำ
ข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบ ของ ฉีดไขมันได้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ให้ผลลัพธ์ดีและเห็นผลมากกว่าวิธีอื่น ๆ ทั้งจากวิธีทางการแพทย์ และวิธีการดูแลตัวเองทั่วไปตามธรรมชาติครับ สามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ครอบคลุม ทั้งจากอายุที่มากขึ้น การเสื่อมสภาพของผิว เช่น ลดริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา แก้ถุงใต้ตา ผิวหย่อนคล้อย เบ้าตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ และฉีดใต้ตาคล้ำ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด จากนั้นประมาณ 4-5 วันจะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากเหมือนการฉีดไขมันใต้ตา สามารถทำได้เลย
ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา เป็นการใช้ไขมันของคนไข้มาฉีด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพ้ได้ แต่อาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ดีเทียบเท่าการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมันใต้ตาไม่สามารถทำได้ทันที ต้องมีการตรวจเช็กไขมันก่อนนำมาใช้ ซึ่งมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยากครับ รวมถึงคนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่ดูดไขมัน ใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์จากอาการบวมครับ และบางคนบวมนานถึง 2 เดือน
ถ้าหากไขมันที่ดูดออกมาไม่มีคุณภาพ เซลล์เหล่านั้นก็มีโอกาสตายและลดจำนวนลง เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของไขมันในการฉีดแต่ละครั้งจึงไม่มาก ใน 100% อาจจะเหลือเพียง 20% เท่านั้น และการฉีดไขมันใต้ตาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาจากการทรุดตัวของไขมันและกระดูกได้ หากใครที่มีปัญหาใต้ตาจากสาเหตุดังกล่าว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นวิธีที่เหมาะสมและตรงจุดกว่าครับ
ฉีดไขมันใต้ตาและฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน แบบไหนอยู่ได้นานกว่ากัน ?
- หลังฉีดไขมันใต้ตา คนไข้จะมีอาการบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะยุบบวม ใบหน้าเข้าที่ประมาณ 2-3 เดือน ให้ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คนไข้จะมีอาการบวมประมาณ 3 วัน จากนั้นจะยุบบวม ใบหน้าเข้าที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ให้ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน
การฉีดไขมันก็มีข้อจำกัด คือ ในบางเคสการฉีดไขมันครั้งแรก จะไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเหมือนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เนื่องจากร่างกายจะมีการดึงไขมันส่วนนั้นไปใช้ตามกลไกธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นตามต้องการ และไม่สามารถหวังผลได้แน่นอน ในบางเคสผลลัพธ์หลังฉีดอาจอยู่ได้ 3-4 เดือนครับ
เปรียบเทียบ ฉีดไขมันได้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนปลอดภัยกว่ากัน ?
การฉีดไขมันใต้ตาจะมีความปลอดภัยในแง่ของสารเติมเต็มที่นำมาใช้ฉีด แต่ในด้านอื่น ๆ จะอันตรายกว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครับ โดยเฉพาะหากแพทย์ฉีดเข้าหลอดเลือด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีเคสที่เนื้อตายหรือตาบอดจากการฉีดไขมันสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์มาก เพราะไขมันไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายได้ในทันทีหากเกิดความผิดพลาด และยังไม่มีทางแก้ครับ ต่างกับฟิลเลอร์ที่มีเอนไซม์ช่วยสลายได้ทันที
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะเป็นสารเติมเต็มสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ แต่ก็ยังมีความปลอดภัยกว่าการฉีดไขมันใต้ตาในหลาย ๆ ด้านครับ เช่น
- ฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ได้รับการอนุมัติและผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่าสามารถนำมาฉีดเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่อันตราย มีความปลอดภัยสูง
- สามารถสลายได้เอง 100% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี
- เมื่อสลายหมดก็สามารถฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
- หากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดพลาด สามารถใช้เอนไซม์ช่วยสลายฟิลเลอร์ได้ทันที
ผลข้างเคียงที่อาจพบจากการฉีดไขมันใต้ตา และฟิลเลอร์ใต้ตา
ผลข้างเคียง ฉีดไขมันใต้ตา
- ผลข้างเคียง ฉีดไขมันใต้ตา มักพบปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ผิวเป็นคลื่น เพราะหลังฉีดไขมันใต้ตาอาจมีไขมันบางส่วนที่สลายหายไปตามกลไกธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมไขมันไปใช้ได้
- ฉีดเติมไขมันใต้ตากับหมอที่ไม่มีประสบการณ์ หมอเติมผิดตำแหน่ง ก็อาจเกิดเป็นลำหรือก้อนที่ใต้ตาได้
- มีแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันมาเพื่อฉีด
- หลังจากการฉีดแล้วอาจมีอาการบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง
- มีรอยเขียวช้ำในบริเวณที่ดูดไขมันและบริเวณใต้ตา
ผลข้างเคียง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- 3 วันแรก คนไข้จะมีรอยแดงจากเข็ม ในคนที่ผิวบอบบางอาจมีรอยช้ำ รอยเขียวจากเข็ม หรือมีอาการบวมในจุดที่ฉีดได้เป็นปกติ เรียกว่าการบวมเข็ม หลังจาก 5-7 วัน จะไม่มีอาการบวมขึ้นอีก และค่อย ๆ ดีขึ้น ยุบบวมเข้าที่ใน 14 วัน
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอะไรดี แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ?
สำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตาแบบเร่งด่วน ไม่อยากพักฟื้นนาน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดครับ เพราะไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำสองรอบ ฉีดแล้วปลอดภัย สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย หลังฉีดเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที เมื่อฟิลเลอร์สลายสามารถกลับมาเติมใต้ตาได้เรื่อย ๆ หรือหากไม่พอใจในผลลัพธ์ ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ และฟิลเลอร์ยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วยครับ
ปัจจุบันการแก้ปัญหาใต้ตาด้วยการฉีดไขมันใต้ตา ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าการฉีดฟิลเลอร์ครับ เพราะมีกระบวนการค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สามารถเห็นผลในครั้งแรก และในกรณีที่คนไข้มีปัญหาใต้ตาจากสาเหตุการยุบตัวจากกระดูก การฉีดไขมันใต้ตาจะไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ครับ ต้องฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?
บทความแนะนำ
- ควรเลือกคลินิกได้มาตรฐาน ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข ติดแบบแสดงรูปถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิก สะอาด ปลอดภัย
- แพทย์ที่ทำหัตถการจะต้องมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้า และต้องเป็นแพทย์จริง โดยสามารถตรวจสอบจากชื่อ-นามสกุลของแพทย์ท่านนั้น คนไข้สามารถตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ ที่นี่
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. ปลอดภัย นำเข้าและเก็บรักษาอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบเลข Lot. ได้
- ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่อง และหลอดฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรเก็บกล่องและหลอดฟิลเลอร์กลับบ้าน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้จริง ๆ ครับ
- มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ และไม่สามารถลบออกได้ เช่น รีวิวติดดาวบน Facebook Fanpage, Pantip Review, Google Maps และต้องเป็นรีวิวที่อัปเดตเป็นปัจจุบัน ซึ่งจะแสดงถึงความนิยม มีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
- แพทย์ทุกท่านมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ มีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภา
- ทีมแพทย์ทุกคน มีการเทรนนิ่ง อัปเดตความรู้เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับความพึงพอใจที่สุด
- ปรึกษาปัญหากับแพทย์โดยตรง ไม่ผ่านเซลส์ โดยแพทย์จะประเมินปัญหาใบหน้าของคนไข้เป็นรายบุคคลตามปัญหาผิวหน้าจริง ไม่ยัดเยียดคอร์ส
- แก้ไขปัญหาตรงจุด ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มทุกความมั่นใจให้คุณ “Feel Your Confidence”
- มีการติดตามผลหลังทำทุกเคส
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า ให้กล่องกลับบ้าน คนไข้สามารถนำไปตรวจสอบกับผู้นำเข้าได้ทุกกล่อง
- ฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเฉพาะของ V Square Clinic วิเคราะห์และออกแบบการปรับรูปหน้าด้วยศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ (Fine Art of Filler) หมอมือเบา ช้ำน้อย ไม่มีปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนในภายหลัง
- คลินิกอยู่ในห้าง มีสาขาครอบคลุมทั่วกรุงเทพ เดินทางสะดวก
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic
รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic แพทย์จะใช้เทคนิคพิเศษ มือเบา ช้ำน้อย ใต้ตาดูเรียบเนียน ไม่มีปัญหาไหลย้อยหรือเป็นก้อนในภายหลังครับ
สรุป
เมื่อเปรียบเทียบการฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทั้งสองหัตถการนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปครับ ซึ่งถ้าใครที่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ไม่อยากพักฟื้นนาน ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติ หากมองเรื่องของความรวดเร็ว คุ้มค่า ราคาไม่แพง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และเหมาะสมกว่าการฉีดไขมันใต้ตามากครับ
สำหรับคนไข้ท่านใดที่มีปัญหาใต้ตา สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ ที่ V Square Clinic ได้โดยตรง เพื่อประเมินปัญหา วางแผนการแก้ไขปัญหาใบหน้า และเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนไข้ครับ