Ulthera – Hifu – Thermage
Ulthera VS Hifu VS Thermage คืออะไร ? ทำไมหลาย ๆ คลินิกถึงออกมาทำโฆษณาเชิญชวนให้เข้ารับบริการ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ทำให้หน้าเด็กลง ผิวเต่งตึงขึ้นได้จริงหรือไม่ ?
จริง ๆ แล้ว อัลเทอรา (Ulthera), ไฮฟู (HIFU) และเทอมาจ (Thermage) เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยยกกระชับผิวครับ ทั้ง 3 เครื่องนี้มีจุดเด่นที่ต่างกัน แต่จะแตกต่างกันอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? สามารถยกกระชับทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร ? เมื่อทำไปแล้ว กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? ราคาเท่าไร ? หรือ อันไหนเจ็บ อันไหนคุ้มค่า
คำถามทั้งหมดนี้หมอรวบรวมมาตอบ พร้อมอธิบายข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกทำได้อย่างถูกต้อง คุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุดครับ
สารบัญ Ulthera VS Hifu VS Thermage
กายวิภาค และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังมนุษย์
ก่อนที่เราจะเข้าเนื้อหาเกี่ยวกับนวัตกรรมยกกระชับใบหน้า หมออยากให้รู้และเข้าใจสาเหตุ เกี่ยวกับกระบวนการแก่ชราของใบหน้าก่อน เพื่อที่จะสามารถเลือกทำหัตถการได้อย่างเหมาะสมครับ
กายวิภาคศาสตร์ของใบหน้าประกอบด้วยชั้นกระดูก 1 ชั้น ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกที่สุด เป็นโครงกะโหลก มีหน้าที่ค้ำยันเนื้อเยื่ออ่อนทุกชั้นด้านบน และเป็นชั้นที่เป็นตัวกำหนดรูปร่างของใบหน้า ดังนั้น การแก้ไขรูปหน้าที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะ ๆ จากหน้าเหลี่ยม เป็นหน้าวี จะต้องแก้ในชั้นนี้ครับ และเนื้อเยื่อ 5 ชั้น ดังนี้
1. ผิวบนสุดชั้น skin ผิวหนัง : แบ่งเป็นชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นหนังกำพร้ามีเซลล์สร้างเม็ดสีกระจายอยู่ พบมากบริเวณรอยต่อของชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า เม็ดสีนี้เองที่ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ ผิวหนังจะช่วยปกป้องชั้นหนังแท้จากรังสี UV ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้าจะมีเซลล์ที่แบ่งตัวได้ตลอดเวลา เพื่อสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าซึ่งตายลง (กลายเป็นขี้ไคล)
หากผิวถูกทำลายลงเพียงชั้นหนังกำพร้า หรือชั้นหนังแท้ส่วนบน เซลล์ชั้นนี้ก็จะแบ่งตัวมาทดแทน และซ่อมส่วนที่เสียหาย และไม่เกิดแผลเป็น แต่หากผิวถูกทำลายลงลึกไป เซลล์ก็จะแบ่งตัวไปซ่อมแซมมากทำให้เกิดแผลเป็น และพังผืดได้ครับ
ส่วนชั้นหนังแท้ที่มีรูขุมขน ต่อมไขมันจะมีหน้าที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิ มีส่วนประกอบของเส้นเลือดฝอย คอลลาเจน อีลาสติน ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวและมีสารไฮยาลูรอนิคที่เป็นเหมือนฟองน้ำเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นให้ผิว รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งชั้นนี้เองมีความสำคัญ แพทย์มักฉีดตัวยา เช่น เมโสหน้าใส ฟิลเลอร์กลุ่ม SKIN BOOSTER เพื่อฟื้นฟูผิวในชั้นนี้ครับ
2. ชั้นsubctaneous หรือไขมันใต้ผิว : ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีความพิเศษ และแตกต่างจากไขมันใต้ผิวตามร่างกายส่วนอื่น ๆ ลองสังเกตดูได้ด้วยการใช้มือหยิบผิวหนังขึ้นมาเปรียบเทียบ จะพบว่าเราไม่สามารถหยิบผิวหนังที่แก้มขึ้นมาได้เป็นแผ่นบาง ๆ ติดมือเหมือนที่คอหรือแขน เพราะจะทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่ออ่อนด้านล่าง รวมถึงเส้นเลือด เส้นประสาท จากอันตรายทั้งของจากของมีคม และอุณหภูมิร้อน-เย็น
3. ชั้น Musculo -aponeuritic หรือชั้นกล้ามเนื้อและแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด : ชั้นนี้เป็นชั้นของกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการแสดงออกของใบหน้า (Mimetic Muscles หรือ Muscles offacial expression) ซึ่งทำให้เรายิ้มและแสดงสีหน้า เป็นกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย เช่น รอยตีนกา หว่างคิ้ว หรือรอยย่นหน้าผาก
บางตำแหน่งบนใบหน้า เช่น แนวด้านข้างบริเวณข้างแก้ม กล้ามเนื้อจะเปลี่ยนสภาพเป็นแผ่นเนื้อเยื่อคล้ายพังผืดเหนียว ๆ ที่เรียกว่า SMAS (Superfical Musculo Aponeurotic System) เป็นส่วนสำคัญที่ศัลยแพทย์จะดึงและเย็บชั้นนี้เพื่อดึงหน้าให้ตึง รวมถึงเป็นชั้นผิวสำคัญที่เครื่องมือยกกระชับจะต้องส่งพลังงานเข้าไปให้ถึง เพื่อหวังผลให้ใบหน้ายกกระชับขึ้นครับ
4. ชั้น Retaining ligaments and spaces หรือ ชั้นเส้นเอ็น ไขมันชั้นลึก และช่องว่างที่ช่วยลดแรงเสียดสี เป็นชั้นผิวที่บ่งบอกถึงความชราได้อย่างชัดเจนครับ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น การกระจายไขมันบนใบหน้าจะเปลี่ยนไป รวมถึงไขมันชั้นลึกมีการยุบตัว ทำให้เห็นร่องยุบ เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ขมับ หรือบริเวณมุมปากเป็นต้น ซึ่งวิธีคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวชั้นนี้ที่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน คือการเติม Volume ให้ผิวในจุดที่ยุบตัวลงด้วยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปทดแทนครับ
5. ชั้น Periosteum and deep fascia หรือ ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกและกระดูก หน้าที่ของชั้นนี้คล้ายฟองน้ำที่ช่วยรับแรงกระแทก ไม่ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนชั้นบนกระแทกหรือกดทับกระดูกที่เป็นเนื้อแข็ง ความสำคัญของผิวชั้นนี้คือเป็นผิวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากเมื่ออายุมากขึ้น กระดูกจะบางลง ทำให้บางส่วนยุบตัวลงครับ ที่เห็นได้ชัดคือ เบ้าตาลึก เห็นเป็นร่องใต้ตา ตาโหล หน้าตอบ ดูโทรม เห็นความแก่ชราชัดเจน การแก้ปัญหาในชั้นผิวนี้ สามารถทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เช่นกันครับ แต่ใช้อีกเทคนิคต่างไปจากการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ (4 ) คือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมกระดูก ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นอย่างมาก
ข้อควรรู้ : กระบวนการแก่บนใบหน้า ไม่ได้เกิดเฉพาะชั้นผิวใดชั้นหนึ่ง แต่เกิดขึ้นทุกชั้นครับ ดังนั้นวิธีการแก้ไขจะต้องรักษาไปพร้อมกัน ๆ ซึ่งมีเครื่องมือกลุ่มคลื่นวิทยุพลังงานสูงและอัลตราซาวด์พลังงานสูง ที่ส่งพลังงานถึงผิวทุกชั้น รวมถึงชั้น SMAS และยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก เมโสหน้าใส เพื่อแก้ไขผิวขั้นที่ 1 ,2 ,4และ 5 เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจครับ
ริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อย เกิดจากสาเหตุอะไร ?
สาเหตุหลักของปัญหาริ้วรอย และผิวหนังหย่อนคล้อย ที่เป็นข้อบ่งชี้ความแก่ชรา มาจากปัจจัยรอบด้านทั้งภายนอก และภายในครับ
- ปัจจัยภายใน
- อายุที่มากขึ้น เมื่อเรายังเด็ก จะเห็นว่าผิวพรรณยังสดใส แต่เมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น ผิวก็เริ่มเสื่อมถอย ร่วงโรยตามวัย
- ความเครียด เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่งสารที่ชื่อว่า Adrenaline ซึ่งเป็นสารที่มีผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทำให้อวัยวะเสื่อมเร็วขึ้น เคยมีผลวิจัยว่าคนที่มีระดับความเครียดสูงเรื้อรังมีโอกาสแก่เร็วกว่าคนทั่วไปอย่างน้อย 10 ปี
- โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ในร่างกาย ล้วนมีผลทำให้ใบหน้าทรุดโทรม แก่ลงได้ครับ
- ปัจจัยภายนอก
- การสูบบุหรี่และควันบุหรี่ ที่มีคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เมื่อเข้าแทนที่ออกซิเจน (Oxygen) ในผิวหนัง รวมถึงสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่จะเข้าไปขัดขวางระบบไหลเวียนเลือด ส่งผลให้เส้นเลือดตีบ เลือดไหลเวียนได้ช้า จึงทำลายทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้ง โทรมและหมองคล้ำลงครับ
- แสงแดด เป็นปัจจัยหลักที่มีผลทำให้ผิวเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เพราะในแสงแดดจะมีรังสี UVA และ UVB ที่เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ตัวการทำลายโปรตีนหรือคอลลาเจนภายใต้ผิว ทำให้ผิวแห้งเหี่ยว และผิวหยาบกร้าน
- มลพิษและฝุ่นควัน ถือเป็นปัจจัยที่เลี่ยงได้ยากครับ เพราะในชีวิตประจำวันเรายังต้องเดินทางไปเรียน ไปทำงาน ต้องเจอมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะ PM2.5 รวมถึง โลหะหนัก ปรอท อนุมูลเล็ก ๆ สามารถเข้าสู่อวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกายได้ง่าย เกิดสะสมในเซลล์ ทำให้ผิวเสื่อมเร็ว แก่ก่อนวัย
- การพักผ่อน การพักผ่อนน้อยเป็นเวลานาน มีผลทำให้สุขภาพผิวเสื่อมโทรมเร็ว มีรอยย่น และผิวหมองคล้ำ เนื่องจากร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนที่ผิวหนัง
- การรับประทานอาหาร อาหารบางประเภท บางเมนู มีผลที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้ครับ เช่น น้ำตาล อาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด คาเฟอีนในชากาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารปิ้งย่าง รวมไปถึงของมันของทอด ล้วนเข้าไปกระตุ้นผิวให้เกิดอาการอักเสบ และยังทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย แห้งกร้าน
เทคโนโลยี และนวัตกรรมยกกระชับผิวในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง ?
หากต้องการแก้ไขความแก่ชรา หรือคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว นอกจากจะเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงสาเหตุการเกิดริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อยตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การเร่งฟื้นฟูผิว แก้ไขความหย่อนคล้อยและริ้วรอยบนใบหน้า ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยกกระชับผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย คนไข้ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการผ่าตัด ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นครับ โดยนวัตกรรมที่ว่าคือ Ulthera – Hifu – Thermage ทั้ง 3 นวัตกรรมยกกระชับผิวนี้ล้วนผ่านการรับรอง ได้มาตรฐาน มีการวิจัยรองรับทั้งในด้านผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ
ทำความรู้จักกับ Ulthera – Hifu – Thermage
Ulthera
Ulthera (อัลเทอร่า) หรือ Ultherapy คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบ Original ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวเกิดการยกกระชับขึ้น สามารถใช้ยกกระชับได้ทั้งบริเวณผิวหน้าและร่างกาย เป็นเครื่อง Gold Standard คิดค้นและผลิตขึ้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย DR. Rox Anderson แพทย์ผิวหนังชื่อดังผู้เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ผิวหนัง และเป็นผู้อำนวยการของสถาบัน Wellman Center for Photomedicine ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับในประเทศไทยเครื่อง Ulthera นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ (Merz Aesthetics) โดยเป็นทั้งผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่าที่ได้รับการรับรองจาก FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศไทย เจ้าเดียวเท่านั้น โดยคลินิกความงามที่สั่งซื้อ จะมีใบประกาศนียบัตร Certificate of Authenticity ภายในคลินิกต้องมีใบรับรองว่าคลินิกใช้เครื่องแท้ โดยจะมีการระบุชื่อคลินิกอย่างชัดเจน คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ
Hifu
Hifu (ไฮฟู่) หรือ High-Intensity Focused Ultrasound คือนวัตกรรมความงามที่ให้ผลทางด้านลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้าและร่างกาย
ปัจจุบัน Hifu มีหลายยี่ห้อครับ (หมอจะอธิบายแต่ละยี่ห้อในหัวข้อถัดไป) โดยยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน และที่ทาง V Square Clinic เลือกใช้ คือเครื่อง Hifu ยี่ห้อ Ultraformer III ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากกว่า Hifu ธรรมดาทั่วไป คือ จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า MMFU (Micro and Macro Focus Ultrasound) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการยกกระชับหน้า และสลายไขมันใต้ผิวหนังได้ดีขึ้น
เครื่อง Hifu ยี่ห้อ Ultraformer III ถือเป็นเครื่องที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera ครับ ปัจจุบันผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งจาก U.S.FDA ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยและบริษัทควอนตัม ประเทศไทย คนไข้สามารถค้นหาข้อมูลคลินิกที่ใช้เครื่องแท้ที่ได้มาตรฐาน ทาง https://www.qhtaesthetics.com/ ก่อนเข้าใช้บริการได้ครับ
Thermage
Thermage (เทอร์มาจ) เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวโดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ มีไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณใบหน้า แก้ม คาง เหนียง ต้องการยกกระชับผิว
Thermage ถูกผลิตออกมาหลายรุ่นครับ นับตั้งแต่ปี 2003 และได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่อง Thermage ที่ V Square Clinic เลือกใช้ จะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด หรือ Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีความงามที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US-FDA และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ไทย จึงรับรองได้ว่าเป็นเครื่องมือยกกระชับที่มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิว
เครื่อง Ulthera – Hifu – Thermage ทำงานอย่างไร ?
แม้ Ulthera – Hifu – Thermage จะมีเป้าหมายเพื่อการยกกระชับผิวคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีจุดเด่นและหลักการทำงานที่แตกต่างกันครับ
Ulthera SPT
เครื่อง Ulthera SPT มีหลักการทำงานด้วยการใช้พลังงานอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) ยิงส่งไปยังใต้ผิว เพื่อให้เกิดความร้อน 60-70°C ลงลึกถึงใต้ผิวหนัง ด้วยจุดพลังงานขนาด 1 mm ลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว
จุดเด่นของเครื่อง Ulthera SPT คือมีหน้าจอแสดงระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไปจนถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า การทำ Ulthera จึงมีความแม่นยำสูง
หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น สามารถแก้ปัญหาผิวได้ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว
Ulthera รุ่นอื่น ๆ
Ulthera SPT จะมีแบบเดียวครับ แต่มีหัวที่ใช้ให้เหมาะสมกับ 3 ระดับความลึก แต่ละหัวก็จะเหมาะกับผิวชั้นที่แตกต่างกัน ดังนี้
ระดับความลึกในการยิงของ หัว Ulthera
- หัว 1.5 mm เหมาะสำหรับริ้วรอยผิวชั้นบน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
- หัว 3.0 mm เหมาะสำหรับกระชับชั้นไขมัน (Subcutis) ที่มีคอลลาเจนแนวตั้ง เหมาะสำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว บริเวณกรอบตาและหน้าผาก และสามารถยิงชั้น SMAS ในบางบริเวณของใบหน้าที่มีชั้นผิวบาง
- หัว 4.5 mm เหมาะสำหรับยิงชั้น smas ที่มีคอลลาเจนแนวนอน และเป็นผิวหนังชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งหัว 4.5 เหมาะสำหรับยกแก้ม เหนียง และลำคอ
Hifu Ultraformer III
หลักการทำงานของเครื่อง Hifu Ultraformer III จะใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความถี่และจำเพาะเจาะจง สามารถปล่อยพลังงานที่เรียกว่า MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) เพื่อให้เกิดความร้อน 60-70°C ลงลึกถึงใต้ผิวหนัง เพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวเสมือนกับการเย็บที่เนื้อ ซึ่งเป็นการดึงหน้า ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น
จุดเด่นอยู่ที่สามารถปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอเท่ากันทุกจุดที่ขนาด 0.5-1 mm ซึ่งใหญ่กว่า Hifu ธรรมดา
ระดับความลึกในการยิงของ หัว Hifu Ultraformer III
- หัวยิงความลึก 1.5-2.0 mm ใช้กับผิวชั้นบน ช่วยเรื่องริ้วรอย ร่องลึกในระดับที่ไม่ลึกมาก
- หัวยิงความลึก 3.0 mm ใช้กับผิวชั้นกลาง ช่วยลดไขมันและเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิว
- หัวยิงความลึก 4.5 mm ใช้กับผิวชั้น smas ที่ปกติจะใช้ผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ สามารถยกแก้ม เหนียง และลำคอได้
บทความแนะนำ
นอกจากนี้เครื่อง Hifu Ultraformer III ยังมีนวัตกรรมใหม่ล่าสุด สุดยอดเทคโนโลยี MF 2 macro focus ultrasound ที่เป็นหัวยิงรุ่นใหม่ล่าสุด หัวยิง Cherry Pink ความลึก 2.0 mm มีจุดเด่น คือสามารถปล่อยพลังงานได้เสถียรยิ่งขึ้น มีความแม่นยำและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดกว่าเดิม คนไข้สามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก ๆ 1 เดือนโดยไม่เกิดผลข้างเคียง หลังทำจะช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen ลดริ้วรอยร่องแก้ม ยกคิ้ว ยกหนังตาตก ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
Hifu รุ่นต่าง ๆ Hifu ธรรมดา
อย่างที่กล่าวไปว่า เครื่อง Hifu มีหลายรุ่น หลายแบบ โดยทั่วไปจะแบ่งออกได้ 4 ประเภทครับ โดยจะแบ่งตามค่าพลังงาน, ตามชนิดของหัวยิง, ตามประเทศผู้ผลิต และแบ่งตามยี่ห้อของเครื่อง Hifu
โดยเครื่อง Hifu ยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera SPT รองลงมาคือ Ultraformer III ครับ นอกเหนือจากนี้จะเป็น Hifu ธรรมดา มีราคาถูก แต่เกรดต่ำและมีข้อเสียหลายด้าน เช่น พลังงานไม่คงที่ บางไลน์แรงมาก บางไลน์เบามาก หลังทำอาจไม่เห็นผล หรือเกิดปัญหาผิวไหม้ หน้าบวม และอาจโดนเส้นประสาท ทำให้หน้าเบี้ยวได้ หากใช้พลังงานสูง
Thermage FLX
หลักการทำงานของเครื่อง Thermage FLX จะแตกต่างไปจากเครื่อง Ulthera – Hifu ครับ เพราะใช้ประเภทพลังงานต่างกัน โดย Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุขั้วเดียว (Monopolar RF) โดยปล่อยพลังงานความร้อนกระจายตัวลงไปสู่ชั้นใต้ผิวหนัง สามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่งอยู่ลึกสุดของโครงสร้างผิว รวมถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) จึงสามารถยกกระชับหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความแนะนำ
จุดเด่นของเครื่อง Thermage FLX ซึ่งเป็นเครื่องใหม่ล่าสุดคือ มีการเซนเซอร์วัดความร้อนบนผิว (AccuREP) เพื่อควบคุมการปล่อยพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก shot ที่ยิง หัว Total Tip รุ่นใหม่ ยังทำให้การกระจายพลังงานดีขึ้นมาก ลงลึกขึ้นกว่าเดิม ใช้เวลาในการทำน้อยลง 25% และสามารถช่วยลดเนื้อไขมัน ปรับผิวให้ตึงกระชับมากขึ้น กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้น เพิ่ม skin quality (ผิวเด็ก) ริ้วรอย และรูขุมขนเล็กลงครับ
หลังทำเห็นผล 20% ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี สามารถทำได้ทั้งใบหน้า รอบดวงตาและลำตัว เพราะมีหัวยิงหลายระดับครับ
ระดับความลึกในการยิงของ หัวThermage
- Thermage Eye Tip 0.25 cm2 หัวสีเขียว เหมาะสำหรับทำบริเวณเปลือกตา และบริเวณรอบดวงตา
- Thermage Total Tip 4 cm2 หัวสีม่วง เหมาะสำหรับทำบริเวณใบหน้า เหนียง และลำคอ โดยสามารถยิงลงใต้ชั้นผิวได้ลึกกว่า Total Tip 3 cm2 ใช้เวลาในการทำน้อยลง 25% และมีความแม่นยำมากขึ้น
- Thermage Body Tip 16 cm2 หัวสีส้ม เหมาะสำหรับทำบริเวณลำตัว แขนขา หน้าท้อง
Thermage มีกี่รุ่น ?
เครื่องThermage มีหลายรุ่นครับ เนื่องจากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- Thermage TC (2003)
- Thermage NXT (2007)
- Thermage CPT (2009)
- Thermage FLX (2018)
โดยเครื่อง Thermage ที่นิยมใช้ในประเทศไทย คือ Thermage CPT และ Thermage FLX ซึ่งเครื่องที่ถูกพัฒนาล่าสุดคือ Thermage รุ่น FLX ในปี 2018 ครับ
Ulthera VS Hifu VS Thermage แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?
สำหรับผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำเครื่องมือใด เลือกแบบไหนให้คุ้มค่า หมอจะเปรียบเทียบความแตกต่างแต่ละเครื่องมือที่ใช้ดังนี้
Ulthera vs Hifu
Ulthera SPT กับ Hifu ใช้พลังงานและกลไกในการยกกระชับผิวเหมือนกัน (คลื่นเสียงอัลตราซาวด์) ซึ่งจะช่วยในการยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน และส่งพลังงานลงลึกได้ถึงผิวชั้น smas (ชั้นเดียวกับที่ใช้ผ่าตัดดึงหน้า) แต่เครื่องทั้งสองจะแตกต่างกันที่ขนาดจุดโฟกัส ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพที่ได้แตกต่างกันครับ ทั้งในเรื่องของผลลัพธ์และระยะเวลา
บทความแนะนำ
Ulthera vs Thermage
Ulthera SPT กับ Thermage ใช้พลังงานคนละรูปแบบกันครับ อัลเทอร่า SPT จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Hight intensity focus Ultrasound) ส่วนเทอร์มาร์จจะใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF)
ทั้งสองเหมาะใช้แก้ปัญหาที่ต่างกัน โดย
- Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงขึ้น มีไขมันน้อย สามารถช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ยกคิ้ว และกระชับกรอบหน้าได้ดี
- Thermage เหมาะกับผู้ที่มีไขมันเยอะ ผิวย้วย ไม่กระชับ ช่วยเกลียวเส้นใยคอลลาเจนให้แข็งแรงและทำให้ผิวแน่นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น
บทความแนะนำ
Thermage vs Hifu
ความแตกต่างระหว่าง Hifu กับ Thermage จะคล้ายกับ Ulthera SPT กับ Thermage ครับ คือ Hifu จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Hight intensity focus Ultrasound) ส่วนเทอร์มาร์จจะใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) แต่ระยะเวลาคงผลลัพธ์สั้นกว่า และราคาถูกกว่ามากครับ
บทความแนะนำ
Ulthera – Hifu – Thermage เหมาะกับใครบ้าง ?
- Thermage เป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ เด่นในการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า และเพิ่ม Skin Quality (ผิวเด็ก) เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูพื้นผิว ยกกระชับ ลดริ้วรอย รวมถึงสามารถลดไขมันได้ด้วย
- Ulthera SPT จุด focus ใหญ่กว่า hifu เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง ถึงปานกลาง มีไขมันน้อย ช่วยยกกระชับได้นาน 1 ปี
- Hifu macrofocus (Ultraformer III) พัฒนาล่าสุด จุด focus ขนาดกลางเหมาะกับผู้ต้องการยกกระชับผิว ปรับหน้าเรียบ เจ็บน้อย ราคาไม่แพง
Ulthera VS Hifu กับ Thermage ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร
Ulthera | Hifu | Thermage | |
---|---|---|---|
ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ต่อการทำ 1 ครั้ง | ผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี | ผลลัพธ์อยู่ได้ 5-6 เดือน | ผลลัพธ์อยู่ได้ 1-2 ปี |
หมายเหตุ : ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงพลังงานที่ใช้และวิธีการดูแลตัวเองหลังทำครับ
Ulthera – Hifu – Thermage ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
- Ulthera SPT
- ใบหน้า ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น ลดปัญหาหย่อนคล้อยของผิว ผิวจะดูฟูขึ้น
- รอบดวงตา หรือ Ulthera ใต้ตา ช่วยยกหางคิ้ว ยกหางตา ทำให้ตาโตขึ้นดูเด็ก สดใส
- ใต้คาง ลำคอ เหนียง ช่วยเรื่องฟื้นฟูผิวและบริเวณเนินอกให้ตึงกระชับ
- หน้าอก สามารถยกกระชับผิวบริเวณเนินอกที่หย่อนคล้อย ให้เต่งตึงขึ้นได้
- ท้องแขน หน้าท้อง ช่วยเพิ่มความกระชับ ลดความย้วยและหย่อนคล้อยของผิวได้
- HIFU Ultraformer III
- ใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา และรอบดวงตา
- แก้ม สามารถยกแก้มหย่อน ลดไขมันบริเวณแก้ม เก็บกรอบหน้าเรียววีเชฟ
- เหนียง ช่วยให้เหนียงกระชับขึ้น ลดเหนียงที่เกิดจากการหย่อนคล้อยของผิว
- ร่างกาย สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่เราต้องการให้กระชับขึ้น ทั้งต้นแขน ต้นขา เอว หน้าท้อง และสะโพก
- Thermage
- แก้ม+เหนียง ช่วยยกกระชับและลดไขมันสะสมบริเวณแก้ม ใต้คาง เหนียง
- รอบดวงตา ช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตา ให้แลดูอ่อนเยาว์
- ทั่วหน้า ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าและสามารถเก็บกรอบหน้าให้หน้าเรียววีเชฟ
- ร่างกาย ทั้งต้นแขน ต้นขา เพื่อให้กระชับขึ้น
Ulthera VS Hifu VS Thermage กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ?
- หลังทำ Ulthera อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 30% ครับ โดยชั้นผิวจะหดตัวจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว จากนั้นผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้นมา ผิวจะกระชับขึ้นใน 1-2 เดือน และเมื่อผ่านไป 2-3 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 ปี
- หลังทำ Hifu จะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อน ๆ เนื้อจะหด ผลการทำ Hifu Macrofocus จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนและสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับคนไข้สามารถทนเจ็บได้หรือไม่ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ hifu ด้วยครับ
- หลังทำ Thermage อยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของคนไข้ หลังทำผิวกระชับขึ้นทันที 20% และค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ผิวกระชับขึ้นอีก ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับและดูอ่อนกว่าวัย โดยผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนในช่วงเดือนที่ 2-3 หลังทำ
Ulthera – Hifu – Thermage นานเท่าไรจึงควรทำซ้ำ ?
Ulthera และ Thermage หมอแนะนำให้คนไข้ทำปีละ 1 ครั้ง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้เองด้วย ส่วน Hifu แนะนำให้ทำปีละ 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือนครับ
Ulthera VS Hifu VS Thermage อันไหนเจ็บสุด ?
- Ulthera ขณะทำคนไข้จะรู้สึกจี๊ด ๆ และอุ่นร้อนบริเวณที่ยิง เเต่เป็นระดับความร้อนที่ทุกคนทนได้ครับ ซึ่งในขั้นตอนการทำ หมอสามารถปรับลดพลังงานลงได้ครับ แต่หากปรับลดลงมาก ๆ เพื่อลดความเจ็บ ก็จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
- Thermage ขณะทำจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากพลังงานจะส่งเข้าไปในทุกชั้นของผิว แต่เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ครับ การทำ Thermage ให้ได้ผลดี จะต้องทนเจ็บได้ระดับหนึ่งถึงจะได้ผลดีและคุ้มค่า
- Hifu ขณะทำต้องมีความรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ ซึ่งคนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณใต้ผิว แสดงถึงการยิงคลื่นเสียงเข้าไปถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) ก็จะให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้ดีและเต็มประสิทธิภาพ การทำ Hifu ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย ถ้าไม่เจ็บคือไม่ได้ผลครับ
อันไหนเจ็บสุด คนไข้ส่วนใหญ่ที่เคยใช้บริการจะบอกว่า Thermage > Ulthera > Hifu ครับ ทั้งนี้ขึ้นกับตัวคนไข้ด้วย เพราะความเจ็บของแต่ละบุคคลไม่เท่ากันครับ รวมถึงในขั้นตอนการทำมีการแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
ทำ Ulthera – Hifu – Thermage แล้วมีผลข้างเคียงไหม ?
ทั้ง Ulthera – Hifu – Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่มีความปลอดภัยสูงครับ ส่วนอาการหลังทำ เช่น บวม หรือช้ำ ไม่ถือเป็นอาการข้างเคียงครับ เพราะสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยเฉพาะคนไข้ที่ผิวบางช้ำง่าย และอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองครับ ภายใน 2-3 วัน บางรายอาจรู้สึกบวมใต้ผิว เมื่อลองกดลงไปบริเวณที่ทำหัตถการจะรู้สึกเจ็บเล็ก ๆ สามารถหายได้เองประมาณ 2 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังทำ Ulthera – Hifu – Thermage
หลังทำ Ulthera – Hifu – Thermage ควรดูแลตัวเอง พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ จะทำให้เห็นผลชัดเจนเร็วขึ้น โดยควรปฏิบัติดังนี้
- สามารถใช้ครีมบำรุง หรือแต่งหน้าได้ตามปกติ
- เน้นทาครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
- เน้นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป
- ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรง ๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงการโดดแดดจัด ๆ หลังทำประมาณ 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น สตีม ซาวน่า 2 อาทิตย์
- งดทำทรีทเมนต์/เลเซอร์ร้อน/RF ลงผิวชั้นลึก ประมาณ 1 เดือน
- งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
รีวิวผลลัพธ์หลังทำ Ulthera VS Hifu VS Thermage
รีวิว Ulthera
ตัวอย่างรีวิวทำUltheraSPT
รีวิว Hifu
ตัวอย่างรีวิวทำHifu
รีวิว Thermage
ตัวอย่างรีวิวทำThermage
ทำ Ulthera VS Hifu VS Thermage อันไหนคุ้มค่าที่สุด ?
Ulthera – Hifu – Thermage เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว ที่ให้ผลลัพธ์ดี ไม่มีการเจาะ ผ่า หรือเกิดแผลที่ผิวชั้นนอกแต่อย่างใด จึงถือเป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ปลอดภัยเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนและคุ้มค่าครับ
ส่วนเครื่องใดคุ้มค่ามากที่สุด จะต้องประเมินจากลักษณะปัญหาของคนไข้แต่ละคน งบประมาณ และความถี่ในการกลับมาซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ในระยะยาวของแต่ละบุคคล
บทความแนะนำ
Ulthera VS Hifu กับ Thermage อันไหนดีสุด
Ulthera VS Hifu กับ Thermage อันไหนดีสุด โดยหลักการแล้ว ไม่สามารถฟันธงได้ครับ เพราะแต่ละเครื่องมีข้อดีที่ต่างกัน ซึ่งข้อดีนั้นก็เหมาะสมในแต่ละปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย ขึ้นอยู่กับคนไข้มีปัญหาใด และเครื่องมือใดตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำครับ
สรุป
ทั้ง Ulthera VS Hifu VS Thermage เป็นเครื่องมือยกกระชับที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับคนที่กลัวการลงมีด ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น เจ็บเพียงนิดเดียวหรือแทบจะไม่เจ็บเลย ส่วนใครจะเหมาะกับเครื่องมือใด ต้องให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้าช่วยประเมินครับ เพราะสภาพผิวแต่ละคน อายุที่ต่างกัน ปัญหาผิวที่ต่างกันจะมีความเหมาะสมกับหัตถการที่ต่างกันครับ